ติดต่อลงโฆษณา [email protected]

แสดงกระทู้

ส่วนนี้จะช่วยให้คุณสามารถดูกระทู้ทั้งหมดสมาชิกนี้ โปรดทราบว่าคุณสามารถเห็นเฉพาะกระทู้ในพื้นที่ที่คุณเข้าถึงในขณะนี้


แสดงหัวข้อ - ruataewada

หน้า: [1] 2
1
ห่มดิน เลี้ยงดินให้ดินเลี้ยงเรา

การทำห่มดิน เลี้ยงดิน ดูแลดินแล้วให้ดินเลี้ยงพืช
การห่มดิน คือ เป็นการป้องกันการระเหยของความชื้นที่อยู่ในดิน ซึ่งความชื้นในดินมีความสำคัญมากต่อการเจริญเติบโตของพืช ซึ่งการควบคุมความชื้นของดินให้เหมาะสมกับการเจริญเติบโตของพืชในแต่ละชนิด สามารถทำได้ด้วยการใช้เซ็นเซอร์เข้ามาช่วยตรวจวัด

ระดับความชื้นที่พืชสามารถรับได้จะคิดเป็นเปอร์เซ็นต์ ดังนี้

ความชื้น 80% – 100% : สภาวะอันตรายต่อพืช ถ้ามีความชื้นสูงในระดับนี้เป็นเวลานาน มีโอกาสสูงมากที่จะทำให้รากเน่า หรือเกิดเชื้อราขึ้นได้
ความชื้น 70% – 79% : สภาวะดินแฉะ หากไม่ควบคุมให้ดี หรือปล่อยเป็นเวลานานก็อาจเข้าสู่สภาวะอันตรายได้
ความชื้น 50% -69% : สภาวะที่พืชชอบ เนื่องจากพืชจะมีการเจริญเติบโตได้ดีที่สุดในสภาวะนี้
ความชื้น 40% – 49% : สภาวะแห้ง ควรเพิ่มความชื้นให้แก่ดิน เพื่อให้พืชเจริญเติบโตได้
ความชื้น 0% – 39% : สภาวะวิกฤติ สามารถทำให้พืชแห้งและเหี่ยวเฉาตายได้
หากความชื้นในดินต่ำ สามารถเพิ่มการให้น้ำ เพื่อเพิ่มความชื้นให้กับดิน แต่ถ้าหากเป็นพื้นที่แห้งแล้งมาก มีการระเหยของน้ำสูง อาจต้องใช้วิทีห่มดินเข้ามาช่วย โดยหลักการคือ นำวัสดุต่างๆ มาปกคลุมไว้ที่หน้าดินเพื่อกักเก็บความชื้นไว้ในดิน

สินค้าเหมาะสมกับการดูแลสวนและที่ดิน รั้วตาข่าย รั้วแรงดึง

2
ปลูกกล้วยในพื้นที่ว่างเปล่าสร้างผลผลิตและรายได้


หลายคนมีพื้นที่ดินว่างเปล่าที่เต็มไปด้วยวัชพืชนานาชนิดและไม่ได้จัดการอะไร ช่วงฤดูแล้งอย่างนี้หญ้าเริ่มเหี่ยวแห้ง มาจัดการพื้นที่รกร้างที่มีอยู่ แล้วมา ” ปลูกกล้วย ” กันดีกว่า
กล้วยเป็นผลไม้พื้นบ้านที่คนไทยรู้จักกันมานาน เพราะทุกส่วนของกล้วยทั้งลำต้น ใบ ดอก ผล เหง้า และยังขยายพันธุ์ง่ายด้วยการแบ่งหน่อ หรือผ่าเหง้าไปปลูกต่อ จึงพบกล้วยขึ้นอยู่ทั่วไปในบ้านเรา และเป็นผลไม้ที่ไม่ค่อยมีใครให้ความสำคัญกันมากนัก ทั้ง ๆ ที่กล้วยมีประโยชน์มากมาย

ช่วง 3-5 ปีที่ผ่านมา ผลกล้วยน้ำว้ามีราคาสูงขึ้น เนื่องจากมีการปลูกลดลง อีกทั้งสภาพแห้งแล้ง ทำให้หลายคนหันกลับมาปลูกกล้วยเป็นอาชีพ สร้างรายได้ให้กับครอบครัว แต่การปลูกอย่างไรให้ได้ผลผลิตดีๆ มาเรียนรู้กัน

สิ่งแรกที่ควรคำนึงถึงคือ “สภาพพื้นที่และดินในบริเวณนั้น” แม้ว่ากล้วยจะเป็นพืชที่ทนทาน แต่การปลูกกล้วยให้ได้ผลผลิตที่ดี ดินปลูกควรมีอินทรีย์วัตถุและความชุ่มชื้นเพียงพอ “แสงแดด” เป็นอีกปัจจัยหนึ่งที่ต้องคำนึงถึง กล้วยชอบแสงแดดจัด หากพื้นที่ดีแต่แสงแดดน้อยมักไม่ออกเครือ หรือคุณภาพผลผลิตไม่ดีพอ

นอกจากนี้ “น้ำ” ก็เป็นสิ่งจำเป็นสำหรับการปลูกกล้วย แม้กว่ากล้วยเป็นพีชที่กักเก็บน้ำในลำต้นได้ดี แต่ถ้าได้รับน้ำไม่เพียงพอ ต้นจะเติบโตได้ไม่ดีนัก จึงควรติดตั้งระบบให้น้ำไว้บ้างเพื่อต้นกล้วยเติบโตอย่างสมบูรณ์ ให้ผลผลิตที่ดีมีคุณภาพ

โปรโมชั่นสำหรับคุณ รั้วตาข่าย รั้วแรงดึง


ทีมา baanlaesuan.com

3


ปลูกผักไฮโดรโปนิกส์ อย่างไร ให้ปลอดสารพิษ ลงทุนน้อย สร้างรายได้หลักหมื่นต่อเดือน SGE รวบรวมมาให้แล้ว ทั้ง วัสดุ อุปกรณ์ที่ต้องเตรียม วิธีการในปลูก และ ชนิดของพืชที่เหมาะกับการปลูกผักไฮโดรโปนิกส์ รับรองว่า มือใหม่ก็ทำได้ ยิ่งมือเก๋า ก็ยิ่งทำได้สบาย หากอยากรู้ว่า มีวิธีการอย่างไรบ้างแล้วละก็ ตามมาดูกันเลย

ปลูกผักไฮโดรโปนิกส์ คือ การปลูกพืชโดยไม่ใช้ดิน แต่จะใช้ น้ำ เป็นหลัก ผสมกับสารละลายที่มีธาตุอาหารเป็นแหล่งอาหารสำคัญของพืช ในการเจริญเติบโต โดยวิธีการปลูกพืชแบบนี้ถูกพัฒนาเรื่อย ๆ มาตั้งแต่คริสต์ศตวรรษที่ 17 ก่อนที่จะเริ่มเป็นที่แพร่หลายมาจนถึงปัจจุบัน โดยการปลูกผักแบบไฮโดรนิกส์ สามารถแบ่งออกได้เป็น 3 รูปแบบหลัก ๆ คือ

Nutrient Film Technique (NFT) : คือ การปลูกพืช โดยให้สารละลายที่มีธาตุอาหาร ผ่านรากพืชที่ปลูกบนราง ตามความลาดชันของรางปลูกอย่างช้า ๆ เป็นแผ่นฟิล์มบาง ๆประมาณ 1 – 3 มิลลิเมตร พืชที่ปลูกได้ดีและนิยมปลูกในระบบนี้ ได้แก่ ผักกินใบจำพวกสลัด มีอายุประมาณ 45 – 50 วัน
Deep Flow Technique (DFT) : คือ การปลูกแบบลอยน้ำ โดยยกรางปลูกให้สูง เพื่อให้รากของพืชลอยในอากาศ ส่วนปลายรากนั้นอยู่ในรางปลูก ซึ่งมีสารละลายที่มีธาตุอาหารไหลผ่าน ผักที่นิยมปลูกด้วยวิธีนี้ ได้แก่ ผักคะน้า ผักบุ้ง ผักโขม เป็นต้น
Dynamic Root Floating Technique (DRFT) : เป็นการปลูกพืชแบบน้ำเยอะ โดยนำแผ่นโฟมมาเจาะรู แล้วรองด้วยแผ่นพลาสติกใส่น้ำ โดยระบบนี้เหมาะสำหรับปลูกผักไทยเช่น ขึ้นฉ่าย กะเพรา ที่สุด ไม่เหมาะกับการปลูกพืชทรงพุ่มแบบผักสลัด เพราะแผ่นโฟมทำความสะอาดได้ยาก และอาจมีเชื้อโรคที่อยู่บนแผ่นโฟม ทำให้ใบของต้นพืชเน่าและเสียหายได้

วัสดุ – อุปกรณ์ที่ใช้ในการ ปลูกผักไฮโดรนิกส์

1. โรงเรือน

โรงเรือน ไม่จำกัดขนาด จะเล็กหรือใหญ่ก็ได้ แต่สำคัญคือ ควรตั้งอยู่ในที่โล่งแจ้ง และ ถ่ายเทอากาศได้ดี ดังนั้น จึงควรมีลักษณะสูงโปร่งเป็นหลัก ที่สำคัญคือ ต้องมีแหล่งน้ำเพียงพอ มีระบบไฟฟ้าในการช่วยควบคุมการจ่ายน้ำ ตลอดจนควรมีมุ้งเพื่อป้องกันแมลงและการกระแทกของน้ำฝนด้วย

2. ภาชนะที่ใช้ในการปลูก

การ ปลูกผักไฮโดรโปนิกส์ โดยส่วนใหญ่จะนิยมใช้ ท่อ PVC มาเจาะรู แล้วใช้เป็นภาชนะสำหรับปลูก เพราะมีราคาค่อนข้างถูก ขนาดยาว สามารถเจาะรู ต่อทำระบบรางได้ง่าย แต่ก็มีบ้างเหมือนกันที่ใช้โฟมมาเจาะรู แต่ไม่ค่อยเป็นที่นิยม เพราะอาจมีเชื้อโรคที่อยู่บนแผ่นโฟม ทำให้ใบของต้นพืชเน่าและเสียหายได้

3. วัสดุที่ใช้ในการปลูก

วัสดุที่ใช้ในการปลูก ในที่นี้หมายถึง วัสดุอื่นที่จะมาแทนที่ดิน เพื่อช่วยให้รากและลำต้นของพืช สามารถเกาะหรือค้ำยันอยู่ในภาชนะสำหรับปลูกได้ ส่วนใหญ่นิยมใช้ ทราย หินภูเขาไฟ เม็ดดินเผา หรือ ฟองน้ำ สำหรับค้ำยันพืชที่มีรากหรือลำต้นเตี้ย ส่วน เชือก ลวด ไม้ค้ำ จะเป็นวัสดุสำหรับผูกหรือมัด ให้พืชที่มีสำต้นสูง ทรงตัวอยู่ได้

4. เมล็ดพันธุ์ผัก

ควรเลือกชนิดของผักให้เหมาะกับระบบการปลูก เช่น ผักสลัด เหมาะกับ NFT ผักไทย เหมาะกับ DFT หรือ DRFT ที่สำคัญคือ ควรเลือกเมล็ดพันธุ์ของผักที่มีเปอร์เซ็นต์จะงอกสูง เพื่อให้เพาะปลูกได้ง่าย

5. น้ำสะอาด และ สารละลายที่มีธาตุอาหาร

ควรเตรียมน้ำสะอาด มีคุณภาพดี และ มีปริมาณเพียงพอต่อการปลูก รวมถึงสารละลายที่มีธาตุอาหารสำคัญต่อการเจริญเติบโตของพืช ไม่ว่าจะเป็น สารละลายเกลือ อนินทรีย์ต่างๆ เช่น โพแทสเซี่ยมฟอสเฟต โพแทสเซี่ยมไนเตรต ซึ่งจะให้ธาตุอาหารที่จำเป็นต่อการเจริญเติบโตของพืช คือ ไนโตรเจน ฟอสฟอรัส โพแทสเซี่ยม แมกนีเซียม กำมะถัน แคลเซียม และ ธาตุเหล็ก

6. อุปกรณ์ในการเตรียมสารละลายที่มีธาตุอาหาร

สารละลายที่มีธาตุอาหาร เป็นวัตถุดิบสำคัญที่จะช่วยให้ผักเจริญเติบโต จึงควรมีอุปกรณ์สำหรับเตรียมสารละลายที่มีธาตุอาหารโดยเฉพาะ เพื่อให้มีปริมาณเพียงพออยู่ตลอดเวลา โดยสิ่งที่ควรมีได้แก่ ถังใส่สารละลายธาตุอาหาร ถุงมือ เพื่อปรับหรือควบคุมสารละลายให้มีค่ากรดด่างสมดุล และ เครื่องชั่งวัดตวง สำหรับตวงปริมาณปุ๋ย หรือ สารอาหารต่าง ๆ

7. อุปกรณ์สำหรับตรวจวัดและควบคุมสารละลายที่มีธาตุอาหาร

อีกสิ่งหนึ่งที่ขาดไม่ได้เลยก็คือ อุปกรณ์สำหรับตรวจวัดและควบคุมสารละลายที่มีธาตุอาหาร ได้แก่ เครื่องมือตรวจวัดค่าความเป็นกรดเป็นด่างของสารละลายธาตุอาหารพืช (pH meter) เครื่องมือตรวจวัดค่าการนำไฟฟ้าของสารละลายธาตุอาหารพืช (EC meter) เพื่อให้สารละลายมีค่า pH และ ค่า EC ที่เหมาะสม ทำให้เวลาจ่ายน้ำไป ผักจะได้รับสารอาหารที่จำเป็นได้อย่างเต็มที่

8. ระบบไฟฟ้าและปั๊มน้ำ

หากปลูกแปลงใหญ่ แล้วไม่ต้องการรดน้ำ เติมสารละลายที่มีธาตุอาหารด้วยตัวเองตลอดเวลา ควรมีระบบไฟฟ้า เพื่อให้สามารถควบคุมการส่งน้ำ ไหลเวียนของน้ำให้ไหลไปตามรางปลูกได้อย่างทั่วถึง แต่หากปลูกเพื่อรับประทานภายในครอบครัว อาจไม่ต้องมีก็ได้

9. ระบบควบคุมอุณหภูมิและความชื้นในโรงเรือน

เนื่องจากแสงแดดในเมืองไทย ค่อนข้างร้อนจัด อาจส่งผลให้อุณหภูมิและความชื้นสัมพัทธ์ในโรงเรือน มีการผันแปรได้ตลอดเวลา ซึ่งอาจส่งผลต่อการเจริญเติบโตได้ จึงควรมีระบบควบคุมอุณหภูมิและความชื้นในโรงเรือน เพื่อให้มีอุณหภูมิและความชื้นที่เหมาะสมกับการเจริญเติบโตของพืชตลอดเวลา

10. ห้องเย็นและระบบขนส่งที่ควบคุมอุณหภูมิและความชื้นได้

เมื่อทำการเก็บเกี่ยว จนถึงเวลาเตรียมจัดส่งและวางขาย ควรมีห้องเย็น และ ระบบขนส่ง ที่สามารถควบคุมอุณหภูมิและความชื้น เพื่อทำให้ผักของคุณยังคงมีความสดใหม่ สามารถส่งตรงไปถึงผู้บริโภคได้อย่างมีคุณภาพ

แนะนำสำหรับคุณ  รั้วตาข่าย ตาข่ายถัก

4


ปลูกผักไฮโดรโปนิกส์ อย่างไร ให้ปลอดสารพิษ ลงทุนน้อย สร้างรายได้หลักหมื่นต่อเดือน SGE รวบรวมมาให้แล้ว ทั้ง วัสดุ อุปกรณ์ที่ต้องเตรียม วิธีการในปลูก และ ชนิดของพืชที่เหมาะกับการปลูกผักไฮโดรโปนิกส์ รับรองว่า มือใหม่ก็ทำได้ ยิ่งมือเก๋า ก็ยิ่งทำได้สบาย หากอยากรู้ว่า มีวิธีการอย่างไรบ้างแล้วละก็ ตามมาดูกันเลย

ปลูกผักไฮโดรโปนิกส์ คือ การปลูกพืชโดยไม่ใช้ดิน แต่จะใช้ น้ำ เป็นหลัก ผสมกับสารละลายที่มีธาตุอาหารเป็นแหล่งอาหารสำคัญของพืช ในการเจริญเติบโต โดยวิธีการปลูกพืชแบบนี้ถูกพัฒนาเรื่อย ๆ มาตั้งแต่คริสต์ศตวรรษที่ 17 ก่อนที่จะเริ่มเป็นที่แพร่หลายมาจนถึงปัจจุบัน โดยการปลูกผักแบบไฮโดรนิกส์ สามารถแบ่งออกได้เป็น 3 รูปแบบหลัก ๆ คือ

Nutrient Film Technique (NFT) : คือ การปลูกพืช โดยให้สารละลายที่มีธาตุอาหาร ผ่านรากพืชที่ปลูกบนราง ตามความลาดชันของรางปลูกอย่างช้า ๆ เป็นแผ่นฟิล์มบาง ๆประมาณ 1 – 3 มิลลิเมตร พืชที่ปลูกได้ดีและนิยมปลูกในระบบนี้ ได้แก่ ผักกินใบจำพวกสลัด มีอายุประมาณ 45 – 50 วัน
Deep Flow Technique (DFT) : คือ การปลูกแบบลอยน้ำ โดยยกรางปลูกให้สูง เพื่อให้รากของพืชลอยในอากาศ ส่วนปลายรากนั้นอยู่ในรางปลูก ซึ่งมีสารละลายที่มีธาตุอาหารไหลผ่าน ผักที่นิยมปลูกด้วยวิธีนี้ ได้แก่ ผักคะน้า ผักบุ้ง ผักโขม เป็นต้น
Dynamic Root Floating Technique (DRFT) : เป็นการปลูกพืชแบบน้ำเยอะ โดยนำแผ่นโฟมมาเจาะรู แล้วรองด้วยแผ่นพลาสติกใส่น้ำ โดยระบบนี้เหมาะสำหรับปลูกผักไทยเช่น ขึ้นฉ่าย กะเพรา ที่สุด ไม่เหมาะกับการปลูกพืชทรงพุ่มแบบผักสลัด เพราะแผ่นโฟมทำความสะอาดได้ยาก และอาจมีเชื้อโรคที่อยู่บนแผ่นโฟม ทำให้ใบของต้นพืชเน่าและเสียหายได้

วัสดุ – อุปกรณ์ที่ใช้ในการ ปลูกผักไฮโดรนิกส์

1. โรงเรือน

โรงเรือน ไม่จำกัดขนาด จะเล็กหรือใหญ่ก็ได้ แต่สำคัญคือ ควรตั้งอยู่ในที่โล่งแจ้ง และ ถ่ายเทอากาศได้ดี ดังนั้น จึงควรมีลักษณะสูงโปร่งเป็นหลัก ที่สำคัญคือ ต้องมีแหล่งน้ำเพียงพอ มีระบบไฟฟ้าในการช่วยควบคุมการจ่ายน้ำ ตลอดจนควรมีมุ้งเพื่อป้องกันแมลงและการกระแทกของน้ำฝนด้วย

2. ภาชนะที่ใช้ในการปลูก

การ ปลูกผักไฮโดรโปนิกส์ โดยส่วนใหญ่จะนิยมใช้ ท่อ PVC มาเจาะรู แล้วใช้เป็นภาชนะสำหรับปลูก เพราะมีราคาค่อนข้างถูก ขนาดยาว สามารถเจาะรู ต่อทำระบบรางได้ง่าย แต่ก็มีบ้างเหมือนกันที่ใช้โฟมมาเจาะรู แต่ไม่ค่อยเป็นที่นิยม เพราะอาจมีเชื้อโรคที่อยู่บนแผ่นโฟม ทำให้ใบของต้นพืชเน่าและเสียหายได้

3. วัสดุที่ใช้ในการปลูก

วัสดุที่ใช้ในการปลูก ในที่นี้หมายถึง วัสดุอื่นที่จะมาแทนที่ดิน เพื่อช่วยให้รากและลำต้นของพืช สามารถเกาะหรือค้ำยันอยู่ในภาชนะสำหรับปลูกได้ ส่วนใหญ่นิยมใช้ ทราย หินภูเขาไฟ เม็ดดินเผา หรือ ฟองน้ำ สำหรับค้ำยันพืชที่มีรากหรือลำต้นเตี้ย ส่วน เชือก ลวด ไม้ค้ำ จะเป็นวัสดุสำหรับผูกหรือมัด ให้พืชที่มีสำต้นสูง ทรงตัวอยู่ได้

4. เมล็ดพันธุ์ผัก

ควรเลือกชนิดของผักให้เหมาะกับระบบการปลูก เช่น ผักสลัด เหมาะกับ NFT ผักไทย เหมาะกับ DFT หรือ DRFT ที่สำคัญคือ ควรเลือกเมล็ดพันธุ์ของผักที่มีเปอร์เซ็นต์จะงอกสูง เพื่อให้เพาะปลูกได้ง่าย

5. น้ำสะอาด และ สารละลายที่มีธาตุอาหาร

ควรเตรียมน้ำสะอาด มีคุณภาพดี และ มีปริมาณเพียงพอต่อการปลูก รวมถึงสารละลายที่มีธาตุอาหารสำคัญต่อการเจริญเติบโตของพืช ไม่ว่าจะเป็น สารละลายเกลือ อนินทรีย์ต่างๆ เช่น โพแทสเซี่ยมฟอสเฟต โพแทสเซี่ยมไนเตรต ซึ่งจะให้ธาตุอาหารที่จำเป็นต่อการเจริญเติบโตของพืช คือ ไนโตรเจน ฟอสฟอรัส โพแทสเซี่ยม แมกนีเซียม กำมะถัน แคลเซียม และ ธาตุเหล็ก

6. อุปกรณ์ในการเตรียมสารละลายที่มีธาตุอาหาร

สารละลายที่มีธาตุอาหาร เป็นวัตถุดิบสำคัญที่จะช่วยให้ผักเจริญเติบโต จึงควรมีอุปกรณ์สำหรับเตรียมสารละลายที่มีธาตุอาหารโดยเฉพาะ เพื่อให้มีปริมาณเพียงพออยู่ตลอดเวลา โดยสิ่งที่ควรมีได้แก่ ถังใส่สารละลายธาตุอาหาร ถุงมือ เพื่อปรับหรือควบคุมสารละลายให้มีค่ากรดด่างสมดุล และ เครื่องชั่งวัดตวง สำหรับตวงปริมาณปุ๋ย หรือ สารอาหารต่าง ๆ

7. อุปกรณ์สำหรับตรวจวัดและควบคุมสารละลายที่มีธาตุอาหาร

อีกสิ่งหนึ่งที่ขาดไม่ได้เลยก็คือ อุปกรณ์สำหรับตรวจวัดและควบคุมสารละลายที่มีธาตุอาหาร ได้แก่ เครื่องมือตรวจวัดค่าความเป็นกรดเป็นด่างของสารละลายธาตุอาหารพืช (pH meter) เครื่องมือตรวจวัดค่าการนำไฟฟ้าของสารละลายธาตุอาหารพืช (EC meter) เพื่อให้สารละลายมีค่า pH และ ค่า EC ที่เหมาะสม ทำให้เวลาจ่ายน้ำไป ผักจะได้รับสารอาหารที่จำเป็นได้อย่างเต็มที่

8. ระบบไฟฟ้าและปั๊มน้ำ

หากปลูกแปลงใหญ่ แล้วไม่ต้องการรดน้ำ เติมสารละลายที่มีธาตุอาหารด้วยตัวเองตลอดเวลา ควรมีระบบไฟฟ้า เพื่อให้สามารถควบคุมการส่งน้ำ ไหลเวียนของน้ำให้ไหลไปตามรางปลูกได้อย่างทั่วถึง แต่หากปลูกเพื่อรับประทานภายในครอบครัว อาจไม่ต้องมีก็ได้

9. ระบบควบคุมอุณหภูมิและความชื้นในโรงเรือน

เนื่องจากแสงแดดในเมืองไทย ค่อนข้างร้อนจัด อาจส่งผลให้อุณหภูมิและความชื้นสัมพัทธ์ในโรงเรือน มีการผันแปรได้ตลอดเวลา ซึ่งอาจส่งผลต่อการเจริญเติบโตได้ จึงควรมีระบบควบคุมอุณหภูมิและความชื้นในโรงเรือน เพื่อให้มีอุณหภูมิและความชื้นที่เหมาะสมกับการเจริญเติบโตของพืชตลอดเวลา

10. ห้องเย็นและระบบขนส่งที่ควบคุมอุณหภูมิและความชื้นได้

เมื่อทำการเก็บเกี่ยว จนถึงเวลาเตรียมจัดส่งและวางขาย ควรมีห้องเย็น และ ระบบขนส่ง ที่สามารถควบคุมอุณหภูมิและความชื้น เพื่อทำให้ผักของคุณยังคงมีความสดใหม่ สามารถส่งตรงไปถึงผู้บริโภคได้อย่างมีคุณภาพ

แนะนำสำหรับคุณ  รั้วตาข่าย ตาข่ายถัก

5
พระเครื่องเป็นวัตถุมงคลที่ได้รับความนิยมอย่างแพร่หลายในประเทศไทยมาเป็นเวลานาน ผู้คนนิยมสะสมพระเครื่องด้วยเหตุผลต่างๆ เช่น เพื่อความสวยงาม เพื่อเสริมบารมี หรือเพื่อการลงทุน

การจะเลือกซื้อพระเครื่องให้ได้พระที่แท้และคุ้มค่านั้น จำเป็นต้องมีความรู้และความเข้าใจเกี่ยวกับพระเครื่องเป็นอย่างดี ต่อไปนี้เป็นหลักการเลือกซื้อพระเครื่องที่ควรพิจารณา:

ความแท้ สิ่งสำคัญที่สุดในการเลือกซื้อพระเครื่องคือความแท้ จะต้องตรวจสอบความแท้ของพระเครื่องอย่างรอบคอบ โดยอาจปรึกษาผู้เชี่ยวชาญหรือนำพระไปตรวจสอบกับสถาบันที่เชื่อถือได้

ความนิยม พระเครื่องที่ได้รับความนิยมจะมีราคาสูงและหายาก ผู้ที่เริ่มสะสมพระเครื่องจึงควรเลือกพระเครื่องที่ได้รับความนิยมในระดับหนึ่ง เพื่อให้สามารถหาซื้อได้ง่ายและราคาไม่สูงเกินไป

พุทธคุณ พุทธคุณของพระเครื่องเป็นสิ่งสำคัญที่ไม่ควรมองข้าม ผู้ที่บูชาพระเครื่องควรเลือกพระเครื่องที่มีพุทธคุณเหมาะสมกับความต้องการ เช่น เมตตามหานิยม แคล้วคลาดปลอดภัย เป็นต้น

ความสวยงาม พระเครื่องที่ดีควรมีความสวยงาม สมกับเป็นวัตถุมงคลที่มีความศักดิ์สิทธิ์

ราคา ราคาของพระเครื่องขึ้นอยู่กับความแท้ ความนิยม พุทธคุณ และความสวยงาม ผู้ที่เลือกซื้อพระเครื่องควรกำหนดงบประมาณในการซื้อไว้ก่อน เพื่อให้ไม่เสียเงินเกินควร

ตัวอย่างของพระเครื่องที่ได้รับความนิยม:

พระสมเด็จวัดระฆัง
พระรอด
พระนางพญา
พระซุ้มกอ
พระผงสุพรรณ
เคล็ดลับในการเลือกซื้อพระเครื่อง:

ควรศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับพระเครื่องที่ต้องการซื้ออย่างละเอียด เพื่อให้เข้าใจถึงประวัติความเป็นมา พุทธคุณ และราคา
ควรเลือกซื้อพระเครื่องจากแหล่งที่น่าเชื่อถือ เช่น ร้านพระเครื่องที่มีชื่อเสียงหรือสถาบันที่เชื่อถือได้
ควรหลีกเลี่ยงการซื้อขายพระเครื่องผ่านสื่อออนไลน์ เพราะอาจเสี่ยงต่อการถูกหลอกลวง
สรุป:

การเลือกซื้อพระเครื่องให้ได้พระที่แท้และคุ้มค่านั้น จำเป็นต้องมีความรู้และความเข้าใจเกี่ยวกับพระเครื่องเป็นอย่างดี โดยพิจารณาจากหลักการเลือกซื้อพระเครื่องที่กล่าวมาข้างต้น นอกจากนี้ ควรศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับพระเครื่องที่ต้องการซื้ออย่างละเอียด และเลือกซื้อพระเครื่องจากแหล่งที่น่าเชื่อถือ เพื่อให้ได้พระเครื่องที่แท้และคุ้มค่า

ฝากไว้ให้คิด  พระเครื่อง

6
พระเครื่องเป็นวัตถุมงคลที่ได้รับความนิยมอย่างแพร่หลายในประเทศไทยมาเป็นเวลานาน ผู้คนนิยมสะสมพระเครื่องด้วยเหตุผลต่างๆ เช่น เพื่อความสวยงาม เพื่อเสริมบารมี หรือเพื่อการลงทุน

การจะเลือกซื้อพระเครื่องให้ได้พระที่แท้และคุ้มค่านั้น จำเป็นต้องมีความรู้และความเข้าใจเกี่ยวกับพระเครื่องเป็นอย่างดี ต่อไปนี้เป็นหลักการเลือกซื้อพระเครื่องที่ควรพิจารณา:

ความแท้ สิ่งสำคัญที่สุดในการเลือกซื้อพระเครื่องคือความแท้ จะต้องตรวจสอบความแท้ของพระเครื่องอย่างรอบคอบ โดยอาจปรึกษาผู้เชี่ยวชาญหรือนำพระไปตรวจสอบกับสถาบันที่เชื่อถือได้

ความนิยม พระเครื่องที่ได้รับความนิยมจะมีราคาสูงและหายาก ผู้ที่เริ่มสะสมพระเครื่องจึงควรเลือกพระเครื่องที่ได้รับความนิยมในระดับหนึ่ง เพื่อให้สามารถหาซื้อได้ง่ายและราคาไม่สูงเกินไป

พุทธคุณ พุทธคุณของพระเครื่องเป็นสิ่งสำคัญที่ไม่ควรมองข้าม ผู้ที่บูชาพระเครื่องควรเลือกพระเครื่องที่มีพุทธคุณเหมาะสมกับความต้องการ เช่น เมตตามหานิยม แคล้วคลาดปลอดภัย เป็นต้น

ความสวยงาม พระเครื่องที่ดีควรมีความสวยงาม สมกับเป็นวัตถุมงคลที่มีความศักดิ์สิทธิ์

ราคา ราคาของพระเครื่องขึ้นอยู่กับความแท้ ความนิยม พุทธคุณ และความสวยงาม ผู้ที่เลือกซื้อพระเครื่องควรกำหนดงบประมาณในการซื้อไว้ก่อน เพื่อให้ไม่เสียเงินเกินควร

ตัวอย่างของพระเครื่องที่ได้รับความนิยม:

พระสมเด็จวัดระฆัง
พระรอด
พระนางพญา
พระซุ้มกอ
พระผงสุพรรณ
เคล็ดลับในการเลือกซื้อพระเครื่อง:

ควรศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับพระเครื่องที่ต้องการซื้ออย่างละเอียด เพื่อให้เข้าใจถึงประวัติความเป็นมา พุทธคุณ และราคา
ควรเลือกซื้อพระเครื่องจากแหล่งที่น่าเชื่อถือ เช่น ร้านพระเครื่องที่มีชื่อเสียงหรือสถาบันที่เชื่อถือได้
ควรหลีกเลี่ยงการซื้อขายพระเครื่องผ่านสื่อออนไลน์ เพราะอาจเสี่ยงต่อการถูกหลอกลวง
สรุป:

การเลือกซื้อพระเครื่องให้ได้พระที่แท้และคุ้มค่านั้น จำเป็นต้องมีความรู้และความเข้าใจเกี่ยวกับพระเครื่องเป็นอย่างดี โดยพิจารณาจากหลักการเลือกซื้อพระเครื่องที่กล่าวมาข้างต้น นอกจากนี้ ควรศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับพระเครื่องที่ต้องการซื้ออย่างละเอียด และเลือกซื้อพระเครื่องจากแหล่งที่น่าเชื่อถือ เพื่อให้ได้พระเครื่องที่แท้และคุ้มค่า

ฝากไว้ให้คิด  พระเครื่อง

7


ใช้ที่ดินเพื่อประกอบการเกษตร ปลูกแค่ 1 ไร่ก็ทำได้ จ่ายภาษีเพียง 0.01%
ประกาศกระทรวงการคลังและกระทรวงมหาดไทย ว่าด้วยเรื่องหลักเกณฑ์การใช้ประโยชน์ในการประกอบเกษตรกรรม ได้กำหนดอัตราขั้นต่ำของจำนวนไม้ต้น ไม้ผล ต่อพื้นที่ปลูก 1 ไร่ จึงจะสามารถเรียกว่าใช้ประโยชน์ในการประกอบเกษตรกรรมได้และจ่ายภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างเพียง 0.01% เท่านั้น แต่หากปล่อยให้รกร้างหรือใช้ประโยชน์ด้านอื่นจะต้องจ่ายภาษีในอัตรา 0.30% ซึ่งมากกว่าภาษีที่ดินเพื่อการเกษตรถึง 30 เท่า
หลายคนจึงหันมาเปลี่ยนที่ดินเปล่า เพื่อใช้ประโยชน์ในการประกอบเกษตรกรรม ซึ่งที่ง่ายที่สุดและเห็นกันเกลื่อนตาคือการปลูกกล้วย ปลูกมะพร้าว แต่รู้หรือไม่ยังมีไม้ผลอีกหลายชนิดที่สามารถปลูกในที่ดินเพื่อประกอบการเกษตรได้

•อัปเดตอัตราภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง
การใช้ที่ดินหรือสิ่งปลูกสร้างตามความหมายของคำว่า “ประกอบการเกษตร” ในระเบียบคณะกรรมการนโยบายและแผนพัฒนาการเกษตรและสหกรณ์ว่าด้วยการขึ้นทะเบียนเกษตรกร พ.ศ. 2560 และที่แก้ไขเพิ่มเติม โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อการบริโภค จำหน่าย หรือใช้งานในฟาร์ม แต่ไม่รวมถึงการทำการประมงและการทอผ้า การใช้ประโยชน์ในการประกอบเกษตรกรยังหมายความรวมถึงที่ดินหรือสิ่งปลูกสร้างในพื้นที่ต่อเนื่องที่ใช้ประโยชน์ในการประกอบเกษตรกรรมนั้นด้วย

การกำหนดอัตราภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างตั้งแต่ปีภาษี 2565-2566 โดยคงอัตราภาษีแบบเดิมเช่นเดียวกับปีภาษี 2563 และ 2564 มีสาระสำคัญ ดังนี้

ที่ดินเพื่อการประกอบเกษตรกรรม อัตราภาษีที่จัดเก็บในปัจจุบันอยู่ที่ 0.01-0.1%
ที่อยู่อาศัย แบ่งเป็น
2.1 บ้านหลังหลัก เป็นเจ้าของที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง และมีชื่ออยู่ในทะเบียนบ้าน มูลค่าทรัพย์สินไม่เกิน 50 ล้านบาท ได้รับการยกเว้นภาษี มูลค่า 50 ล้านบาทขึ้นไป อัตราภาษีที่จัดเก็บในปัจจุบันอยู่ที่ 0.03-0.1%
2.2 บ้านหลังหลัก เป็นเจ้าของเฉพาะสิ่งปลูกสร้าง และมีชื่ออยู่ในทะเบียนบ้าน มูลค่าทรัพย์สินไม่เกิน 10 ล้านบาท ได้รับการยกเว้นภาษี มูลค่า 10 ล้านบาทขึ้นไป อัตราภาษีที่จัดเก็บในปัจจุบันอยู่ที่ 0.02-0.1%
2.3 บ้านหลังอื่น ๆ อัตราภาษีที่จัดเก็บในปัจจุบันอยู่ที่ 0.02-0.1%
การใช้ประโยชน์อื่น หรือใช้เชิงพาณิชย์ เช่น อาคารสำนักงาน โรงแรม ร้านอาหาร พาณิชยกรรม อุตสาหกรรม อัตราภาษีที่จัดเก็บในปัจจุบันอยู่ที่ 0.3-0.7%
ที่ดินหรือสิ่งปลูกสร้างที่ทิ้งไว้ว่างเปล่าหรือไม่ได้ทำประโยชน์ตามควรแก่สภาพ อัตราภาษีที่ดินว่างเปล่าที่จัดเก็บในปัจจุบันอยู่ที่ 0.3-0.7%

โปรโมชั่นสำหรับคุณ รั้วตาข่าย ลวดหนาม


ทีมา baanlaesuan.com

8


ใช้ที่ดินเพื่อประกอบการเกษตร ปลูกแค่ 1 ไร่ก็ทำได้ จ่ายภาษีเพียง 0.01%
ประกาศกระทรวงการคลังและกระทรวงมหาดไทย ว่าด้วยเรื่องหลักเกณฑ์การใช้ประโยชน์ในการประกอบเกษตรกรรม ได้กำหนดอัตราขั้นต่ำของจำนวนไม้ต้น ไม้ผล ต่อพื้นที่ปลูก 1 ไร่ จึงจะสามารถเรียกว่าใช้ประโยชน์ในการประกอบเกษตรกรรมได้และจ่ายภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างเพียง 0.01% เท่านั้น แต่หากปล่อยให้รกร้างหรือใช้ประโยชน์ด้านอื่นจะต้องจ่ายภาษีในอัตรา 0.30% ซึ่งมากกว่าภาษีที่ดินเพื่อการเกษตรถึง 30 เท่า
หลายคนจึงหันมาเปลี่ยนที่ดินเปล่า เพื่อใช้ประโยชน์ในการประกอบเกษตรกรรม ซึ่งที่ง่ายที่สุดและเห็นกันเกลื่อนตาคือการปลูกกล้วย ปลูกมะพร้าว แต่รู้หรือไม่ยังมีไม้ผลอีกหลายชนิดที่สามารถปลูกในที่ดินเพื่อประกอบการเกษตรได้

•อัปเดตอัตราภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง
การใช้ที่ดินหรือสิ่งปลูกสร้างตามความหมายของคำว่า “ประกอบการเกษตร” ในระเบียบคณะกรรมการนโยบายและแผนพัฒนาการเกษตรและสหกรณ์ว่าด้วยการขึ้นทะเบียนเกษตรกร พ.ศ. 2560 และที่แก้ไขเพิ่มเติม โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อการบริโภค จำหน่าย หรือใช้งานในฟาร์ม แต่ไม่รวมถึงการทำการประมงและการทอผ้า การใช้ประโยชน์ในการประกอบเกษตรกรยังหมายความรวมถึงที่ดินหรือสิ่งปลูกสร้างในพื้นที่ต่อเนื่องที่ใช้ประโยชน์ในการประกอบเกษตรกรรมนั้นด้วย

การกำหนดอัตราภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างตั้งแต่ปีภาษี 2565-2566 โดยคงอัตราภาษีแบบเดิมเช่นเดียวกับปีภาษี 2563 และ 2564 มีสาระสำคัญ ดังนี้

ที่ดินเพื่อการประกอบเกษตรกรรม อัตราภาษีที่จัดเก็บในปัจจุบันอยู่ที่ 0.01-0.1%
ที่อยู่อาศัย แบ่งเป็น
2.1 บ้านหลังหลัก เป็นเจ้าของที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง และมีชื่ออยู่ในทะเบียนบ้าน มูลค่าทรัพย์สินไม่เกิน 50 ล้านบาท ได้รับการยกเว้นภาษี มูลค่า 50 ล้านบาทขึ้นไป อัตราภาษีที่จัดเก็บในปัจจุบันอยู่ที่ 0.03-0.1%
2.2 บ้านหลังหลัก เป็นเจ้าของเฉพาะสิ่งปลูกสร้าง และมีชื่ออยู่ในทะเบียนบ้าน มูลค่าทรัพย์สินไม่เกิน 10 ล้านบาท ได้รับการยกเว้นภาษี มูลค่า 10 ล้านบาทขึ้นไป อัตราภาษีที่จัดเก็บในปัจจุบันอยู่ที่ 0.02-0.1%
2.3 บ้านหลังอื่น ๆ อัตราภาษีที่จัดเก็บในปัจจุบันอยู่ที่ 0.02-0.1%
การใช้ประโยชน์อื่น หรือใช้เชิงพาณิชย์ เช่น อาคารสำนักงาน โรงแรม ร้านอาหาร พาณิชยกรรม อุตสาหกรรม อัตราภาษีที่จัดเก็บในปัจจุบันอยู่ที่ 0.3-0.7%
ที่ดินหรือสิ่งปลูกสร้างที่ทิ้งไว้ว่างเปล่าหรือไม่ได้ทำประโยชน์ตามควรแก่สภาพ อัตราภาษีที่ดินว่างเปล่าที่จัดเก็บในปัจจุบันอยู่ที่ 0.3-0.7%

โปรโมชั่นสำหรับคุณ รั้วตาข่าย ลวดหนาม


ทีมา baanlaesuan.com

9

ปลูกพืช เลี้ยงสัตว์บนที่รกร้าง ประหยัดภาษี แถมมีมูลค่า

1. ภาษีที่ดิน และ สิ่งปลูกสร้าง

สำหรับ “ภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง” ปี 2565 นั้นนะคะ ทางกระทรวงการคลังได้เริ่มจัดเก็บภาษีแบบเต็มจำนวนเป็นปีแรก หลังจากที่ปรับลดกว่า 90% เป็นระยะเวลากว่า 2 ปีแล้วนั่นเองค่ะ ซึ่งอัตราการเก็บภาษีนั้นจะยังคงใช้เป็นอัตราเดิมของปี 2563 - 2564 ไปจนถึงปี 2566 เลยค่ะ ทั้งนี้ผู้ที่เสียภาษียังคงได้รับการบรรเทาภาระภาษีหลายกรณีดังนี้ค่ะ

ที่ดินหรือสิ่งปลูกสร้างที่เจ้าของเป็นบุคคลธรรมดาและใช้ประกอบเกษตรกรรมได้รับยกเว้นภาษี
ที่ดินหรือสิ่งปลูกสร้างที่ใช้เป็นที่อยู่อาศัยที่เจ้าของเป็นบุคคลธรรมดา และมีชื่อในทะเบียนบ้านในวันที่ 1 มกราคม จะได้รับยกเว้นมูลค่าฐานภาษีไม่เกิน 50 ล้านบาท
กรณีที่เป็นเจ้าของเฉพาะสิ่งปลูกสร้าง ก็จะได้รับยกเว้นมูลค่าฐานภาษีสำหรับสิ่งปลูกสร้างที่มีมูลค่าไม่เกิน 10 ล้านบาท ดังนั้น ผู้ที่เป็นเจ้าของทรัพย์สิน มูลค่าไม่เกิน 50 ล้านบาท หรือไม่เกิน 10 ล้านบาท แล้วแต่กรณี จะไม่ได้รับผลกระทบ แต่สำหรับบุคคลที่เป็นเจ้าของทรัพย์สินดังกล่าวที่มีมูลค่าเกิน 50 ล้านบาท หรือเกิน 10 ล้านบาท แล้วแต่กรณี จะเสียภาษีเต็มอัตราเฉพาะส่วนที่เกินเท่านั้น
การผ่อนปรนภาระภาษีให้แก่ผู้เสียภาษีกรณีมีภาระภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง สูงกว่าค่าภาษีโรงเรือนและที่ดินและภาษีบำรุงท้องที่ที่เคยชำระในปี 2562 จะบรรเทาภาระให้โดยเสียภาษีเท่ากับค่าภาษีปี 2562 บวกกับร้อยละ 75 ของส่วนต่างค่าภาษีปี 2565 กับปี 2562

โปรโมชั่นสำหรับคุณ รั้วตาข่าย ลวดหนาม

ที่มา genie-property.com

10

ปลูกพืช เลี้ยงสัตว์บนที่รกร้าง ประหยัดภาษี แถมมีมูลค่า

1. ภาษีที่ดิน และ สิ่งปลูกสร้าง

สำหรับ “ภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง” ปี 2565 นั้นนะคะ ทางกระทรวงการคลังได้เริ่มจัดเก็บภาษีแบบเต็มจำนวนเป็นปีแรก หลังจากที่ปรับลดกว่า 90% เป็นระยะเวลากว่า 2 ปีแล้วนั่นเองค่ะ ซึ่งอัตราการเก็บภาษีนั้นจะยังคงใช้เป็นอัตราเดิมของปี 2563 - 2564 ไปจนถึงปี 2566 เลยค่ะ ทั้งนี้ผู้ที่เสียภาษียังคงได้รับการบรรเทาภาระภาษีหลายกรณีดังนี้ค่ะ

ที่ดินหรือสิ่งปลูกสร้างที่เจ้าของเป็นบุคคลธรรมดาและใช้ประกอบเกษตรกรรมได้รับยกเว้นภาษี
ที่ดินหรือสิ่งปลูกสร้างที่ใช้เป็นที่อยู่อาศัยที่เจ้าของเป็นบุคคลธรรมดา และมีชื่อในทะเบียนบ้านในวันที่ 1 มกราคม จะได้รับยกเว้นมูลค่าฐานภาษีไม่เกิน 50 ล้านบาท
กรณีที่เป็นเจ้าของเฉพาะสิ่งปลูกสร้าง ก็จะได้รับยกเว้นมูลค่าฐานภาษีสำหรับสิ่งปลูกสร้างที่มีมูลค่าไม่เกิน 10 ล้านบาท ดังนั้น ผู้ที่เป็นเจ้าของทรัพย์สิน มูลค่าไม่เกิน 50 ล้านบาท หรือไม่เกิน 10 ล้านบาท แล้วแต่กรณี จะไม่ได้รับผลกระทบ แต่สำหรับบุคคลที่เป็นเจ้าของทรัพย์สินดังกล่าวที่มีมูลค่าเกิน 50 ล้านบาท หรือเกิน 10 ล้านบาท แล้วแต่กรณี จะเสียภาษีเต็มอัตราเฉพาะส่วนที่เกินเท่านั้น
การผ่อนปรนภาระภาษีให้แก่ผู้เสียภาษีกรณีมีภาระภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง สูงกว่าค่าภาษีโรงเรือนและที่ดินและภาษีบำรุงท้องที่ที่เคยชำระในปี 2562 จะบรรเทาภาระให้โดยเสียภาษีเท่ากับค่าภาษีปี 2562 บวกกับร้อยละ 75 ของส่วนต่างค่าภาษีปี 2565 กับปี 2562

โปรโมชั่นสำหรับคุณ รั้วตาข่าย ลวดหนาม

ที่มา genie-property.com

11


ปัญหาเรื่องสนิมกินรั้วหรือวัสดุที่เป็นเหล็ก ถือเป็นเรื่องอมตะทุกยุคทุกสมัยของเหล็ก แม้ว่าจะทาสีที่มีสารป้องกันสนิมไว้แล้วก็ตาม แต่เมื่อผ่านกาลเวลาเมื่อสีลอกหรือหลุดร่อนก็ถึงคราวของสนิมที่จะมาเกาะกิน ดังนั้นเมื่อใดที่เราสังเกตเห็นสนิมแล้วละก็ ให้รีบกำจัดออกไปเสีย ก่อนที่เจ้าสนิมจะกัดกินไปเรื่อยๆ จดหมดผุกร่อน หมดสภาพ วันนี้เรามาทำความรู้จักกับสนิมกันเถอะ
สนิม (rust) เป็นโลหะส่วนที่มีการเปลี่ยนสภาพไปจากเดิม เนื่องจากได้รับปฏิกิริยาเคมีที่มีอากาศ น้ำ หรือความร้อนเป็นตัวการสำคัญทำให้โลหะมีคุณสมบัติแตกต่างไปจากเดิม เช่น สีที่เปลี่ยนไป มีความแข็งแรงลดลง และทำให้เกิดการผุกร่อน   ตัวอย่างที่เราพบเห็นอยู่บ่อยๆ ได้แก่ เหล็ก

 

ปัจจัยในการเกิดสนิมในเหล็กกล้า

เนื่องจากเหล็กเป็นวัสดุนำไฟฟ้าอยู่แล้ว ยังมีสามปัจจัยที่เหลือคือ

ขั้วบวก
ขั้วลบ
สารอีเลคโทรไลท์ ซึ่งสื่อนำประจุไฟฟ้า เช่น ออกซิเยน และ ความชื้น

โปรโมชั่นของคุณ ลวดหนามทนสนิม
ลวดหนามกันสนิม

อ้างอิง scimath

12


ปัญหาเรื่องสนิมกินรั้วหรือวัสดุที่เป็นเหล็ก ถือเป็นเรื่องอมตะทุกยุคทุกสมัยของเหล็ก แม้ว่าจะทาสีที่มีสารป้องกันสนิมไว้แล้วก็ตาม แต่เมื่อผ่านกาลเวลาเมื่อสีลอกหรือหลุดร่อนก็ถึงคราวของสนิมที่จะมาเกาะกิน ดังนั้นเมื่อใดที่เราสังเกตเห็นสนิมแล้วละก็ ให้รีบกำจัดออกไปเสีย ก่อนที่เจ้าสนิมจะกัดกินไปเรื่อยๆ จดหมดผุกร่อน หมดสภาพ วันนี้เรามาทำความรู้จักกับสนิมกันเถอะ
สนิม (rust) เป็นโลหะส่วนที่มีการเปลี่ยนสภาพไปจากเดิม เนื่องจากได้รับปฏิกิริยาเคมีที่มีอากาศ น้ำ หรือความร้อนเป็นตัวการสำคัญทำให้โลหะมีคุณสมบัติแตกต่างไปจากเดิม เช่น สีที่เปลี่ยนไป มีความแข็งแรงลดลง และทำให้เกิดการผุกร่อน   ตัวอย่างที่เราพบเห็นอยู่บ่อยๆ ได้แก่ เหล็ก

 

ปัจจัยในการเกิดสนิมในเหล็กกล้า

เนื่องจากเหล็กเป็นวัสดุนำไฟฟ้าอยู่แล้ว ยังมีสามปัจจัยที่เหลือคือ

ขั้วบวก
ขั้วลบ
สารอีเลคโทรไลท์ ซึ่งสื่อนำประจุไฟฟ้า เช่น ออกซิเยน และ ความชื้น

โปรโมชั่นของคุณ ลวดหนามทนสนิม
ลวดหนามกันสนิม

อ้างอิง scimath

13

ภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง คืออะไร

คือ ภาษีรายปีที่เก็บและคิดจากมูลค่าที่ดินและสิ่งก่อสร้างที่เราครอบครอง โดยมีองค์กรท้องถิ่น เช่น เทศบาล อบต. เป็นผู้จัดเก็บ

โดยผู้ที่ต้องเสียภาษีที่ดินต้องมีเงื่อนไขดังนี้

1. เจ้าของกรรมสิทธิ์ในอสังหาริมทรัพย์ (ดูตามโฉนด ไม่ใช่ทะเบียนบ้าน)

2. ผู้ครอบครอง/ทำประโยชน์ในที่ดินนั้น จะเป็นบุคคลธรรมดาหรือนิติบุคคลก็ได้

ซึ่งกฎหมายภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง 2562 เป็นกฎหมายที่มาแทนที่ ภาษีโรงเรือนและที่ดิน กับ ภาษีบำรุงท้องที่ ซึ่งซ้ำซ้อนกัน

ประเภทของภาษีที่ดิน 2566 แบ่งประเภทที่ดินที่ต้องเสียภาษีไว้ 4 รายการ

1. ที่ดินเพื่อการเกษตรกรรม

2. ที่ดินเพื่อการอยู่อาศัย

3. ที่ดินเพื่อพาณิชยกรรม

4. ที่ดินรกร้างว่างเปล่า

โปรโมชั่นสำหรับคุณ รั้วตาข่าย ลวดหนาม

ที่มา www.kwilife.com

14

ภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง คืออะไร

คือ ภาษีรายปีที่เก็บและคิดจากมูลค่าที่ดินและสิ่งก่อสร้างที่เราครอบครอง โดยมีองค์กรท้องถิ่น เช่น เทศบาล อบต. เป็นผู้จัดเก็บ

โดยผู้ที่ต้องเสียภาษีที่ดินต้องมีเงื่อนไขดังนี้

1. เจ้าของกรรมสิทธิ์ในอสังหาริมทรัพย์ (ดูตามโฉนด ไม่ใช่ทะเบียนบ้าน)

2. ผู้ครอบครอง/ทำประโยชน์ในที่ดินนั้น จะเป็นบุคคลธรรมดาหรือนิติบุคคลก็ได้

ซึ่งกฎหมายภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง 2562 เป็นกฎหมายที่มาแทนที่ ภาษีโรงเรือนและที่ดิน กับ ภาษีบำรุงท้องที่ ซึ่งซ้ำซ้อนกัน

ประเภทของภาษีที่ดิน 2566 แบ่งประเภทที่ดินที่ต้องเสียภาษีไว้ 4 รายการ

1. ที่ดินเพื่อการเกษตรกรรม

2. ที่ดินเพื่อการอยู่อาศัย

3. ที่ดินเพื่อพาณิชยกรรม

4. ที่ดินรกร้างว่างเปล่า

โปรโมชั่นสำหรับคุณ รั้วตาข่าย ลวดหนาม

ที่มา www.kwilife.com

15


รั้วตาข่ายฟิคซ์ล็อค
รั้วตาข่ายฟิคซ์ล็อค (Fixed Lock) ออกแบบปมล็อคแน่นทนแรงกระแทกสูงพิเศษ รั้วตาข่ายฟิคซ์ล็อคใช้ลวดแรงดึงสูงขนาด 2.50 มม. ทุกเส้น ปมฟิคซ์ล็อคแน่นหนาพิเศษด้วยเทคนิคเฉพาะของรั้วตาข่ายไวน์แมน ไม่หลุดง่าย ไม่ขาดง่ายเมื่อถูกแรงกระแทกหนักๆ จึงแข็งแรง ทนทาน ใช้งานหลากหลาย รั้วล้อมสัตว์ รั้วล้อมบ้าน รั้วล้อมที่ รั้วโรงงาน

ทนสนิมด้วยลวดชุบซิงค์บริสุทธิ์แบบจุ่มร้อนหนากว่า 12 เท่าเมื่อเทียบกับรั้วตาข่ายทั่วไปในท้องตลาดประเทศไทย และทนสนิมกว่ารั้วตาข่ายทั่วไป เพราะมีการทดสอบการทนสนิมโดยวิธีการพ่นละอองเกลือ (Salt Spray Test) รั้วตาข่ายไวน์แมนยังเพิ่มอายุการใช้งานด้วยเส้นลวดบนสุดและล่างสุด เป็นลวดชุบซิงค์อลู (ZnAl) มีส่วนผสมอลูมิเนียม 10% พร้อมเคลือบสีดำ มาตรฐานการผลิต ASTM Class 3 เพื่อป้องกันความชื้นจากพื้นดิน และเส้นบนเห็นแนวรั้วชัดเจน

ที่มา vinemanfence

16


รั้วตาข่ายฟิคซ์ล็อค
รั้วตาข่ายฟิคซ์ล็อค (Fixed Lock) ออกแบบปมล็อคแน่นทนแรงกระแทกสูงพิเศษ รั้วตาข่ายฟิคซ์ล็อคใช้ลวดแรงดึงสูงขนาด 2.50 มม. ทุกเส้น ปมฟิคซ์ล็อคแน่นหนาพิเศษด้วยเทคนิคเฉพาะของรั้วตาข่ายไวน์แมน ไม่หลุดง่าย ไม่ขาดง่ายเมื่อถูกแรงกระแทกหนักๆ จึงแข็งแรง ทนทาน ใช้งานหลากหลาย รั้วล้อมสัตว์ รั้วล้อมบ้าน รั้วล้อมที่ รั้วโรงงาน

ทนสนิมด้วยลวดชุบซิงค์บริสุทธิ์แบบจุ่มร้อนหนากว่า 12 เท่าเมื่อเทียบกับรั้วตาข่ายทั่วไปในท้องตลาดประเทศไทย และทนสนิมกว่ารั้วตาข่ายทั่วไป เพราะมีการทดสอบการทนสนิมโดยวิธีการพ่นละอองเกลือ (Salt Spray Test) รั้วตาข่ายไวน์แมนยังเพิ่มอายุการใช้งานด้วยเส้นลวดบนสุดและล่างสุด เป็นลวดชุบซิงค์อลู (ZnAl) มีส่วนผสมอลูมิเนียม 10% พร้อมเคลือบสีดำ มาตรฐานการผลิต ASTM Class 3 เพื่อป้องกันความชื้นจากพื้นดิน และเส้นบนเห็นแนวรั้วชัดเจน

ที่มา vinemanfence

17


รั้วตาข่ายถักปม (Hinge Joint) คือรั้วตาข่ายที่ผลิตจากลวดเหล็กทนแรงดึงสูง ด้านล่างถี่ด้านบนห่าง สามารถทนสนิมได้นานกว่ารั้วลวดหนามทั่วไป นิยมนำมาใช้ล้อมบ้าน ล้อมสวน ล้อมที่ ล้อมสัตว์ ฯลฯ เนื่องจากถูกออกแบบมาให้ใช้งานได้ง่าย และหลากหลาย โดยที่สามารถนำไปใช้ติดตั้งกับเสาปูน เสาไม้ เสาเหล็กเดิมที่มีอยู่แล้ว โดยไม่ต้องรื้อถอน ติดตั้งง่ายใช้เวลาไม่นาน ใช้คนน้อยกว่าการติดตั้งรั้วลวดหนาม และรั้วทั่วไป

รั้วตาข่ายถักปม (Hinge Joint) เป็นรั้วตาข่ายกึ่งสปริง ผลิตจากลวดแรงดึงสูง (High Tensile) มีความแข็งแรง ทนแรงกระแทก 750-900 นิวตัน/ตร.มม. รั้วตาข่ายถักปมสามารถรับน้ำหนักได้เฉลี่ย 400 กก. ออกแบบการพันปมที่แน่นเพื่อให้เป็นรั้วตาข่ายถักที่มีความยืดหยุ่นสูง คืนตัวกลับและทนแรงกระแทกได้ดี ทนทาน และมีความสวยงามอีกด้วยสามารถติดตั้งได้อย่างต่อเนื่องแม้ในพื้นที่ลาดชัน

ทนสนิมด้วยลวดชุบซิงค์บริสุทธิ์แบบจุ่มร้อนหนากว่า 12 เท่า เมื่อเทียบกับรั้วตาข่ายทั่วไปในท้องตลาดประเทศไทย และทนสนิมกว่ารั้วตาข่ายทั่วไป เพราะมีการทดสอบการทนสนิมโดยวิธีการพ่นละอองเกลือ (Salt Spray Test) ทนต่อการกัดกร่อนละอองเกลือได้ 600-1400 ชั่วโมง รั้วตาข่ายไวน์แมนเพิ่มอายุการใช้งานด้วยเส้นลวดบนสุดและล่างสุด เป็นลวดชุบซิงค์อลู (ZnAl) มีส่วนผสมอลูมิเนียม 10% พร้อมเคลือบสีดำ มาตรฐานการผลิต ASTM เพื่อป้องกันความชื้นจากพื้นดิน และเส้นบนเห็นแนวรั้วชัดเจน

ที่มา vinemanfence

18


รั้วตาข่ายถักปม (Hinge Joint) คือรั้วตาข่ายที่ผลิตจากลวดเหล็กทนแรงดึงสูง ด้านล่างถี่ด้านบนห่าง สามารถทนสนิมได้นานกว่ารั้วลวดหนามทั่วไป นิยมนำมาใช้ล้อมบ้าน ล้อมสวน ล้อมที่ ล้อมสัตว์ ฯลฯ เนื่องจากถูกออกแบบมาให้ใช้งานได้ง่าย และหลากหลาย โดยที่สามารถนำไปใช้ติดตั้งกับเสาปูน เสาไม้ เสาเหล็กเดิมที่มีอยู่แล้ว โดยไม่ต้องรื้อถอน ติดตั้งง่ายใช้เวลาไม่นาน ใช้คนน้อยกว่าการติดตั้งรั้วลวดหนาม และรั้วทั่วไป

รั้วตาข่ายถักปม (Hinge Joint) เป็นรั้วตาข่ายกึ่งสปริง ผลิตจากลวดแรงดึงสูง (High Tensile) มีความแข็งแรง ทนแรงกระแทก 750-900 นิวตัน/ตร.มม. รั้วตาข่ายถักปมสามารถรับน้ำหนักได้เฉลี่ย 400 กก. ออกแบบการพันปมที่แน่นเพื่อให้เป็นรั้วตาข่ายถักที่มีความยืดหยุ่นสูง คืนตัวกลับและทนแรงกระแทกได้ดี ทนทาน และมีความสวยงามอีกด้วยสามารถติดตั้งได้อย่างต่อเนื่องแม้ในพื้นที่ลาดชัน

ทนสนิมด้วยลวดชุบซิงค์บริสุทธิ์แบบจุ่มร้อนหนากว่า 12 เท่า เมื่อเทียบกับรั้วตาข่ายทั่วไปในท้องตลาดประเทศไทย และทนสนิมกว่ารั้วตาข่ายทั่วไป เพราะมีการทดสอบการทนสนิมโดยวิธีการพ่นละอองเกลือ (Salt Spray Test) ทนต่อการกัดกร่อนละอองเกลือได้ 600-1400 ชั่วโมง รั้วตาข่ายไวน์แมนเพิ่มอายุการใช้งานด้วยเส้นลวดบนสุดและล่างสุด เป็นลวดชุบซิงค์อลู (ZnAl) มีส่วนผสมอลูมิเนียม 10% พร้อมเคลือบสีดำ มาตรฐานการผลิต ASTM เพื่อป้องกันความชื้นจากพื้นดิน และเส้นบนเห็นแนวรั้วชัดเจน

ที่มา vinemanfence

19

จุดเริ่มต้นของลวดหนาม
รั้วลวดหนามผลิตด้วยลวดพันกับหนาม ลวดหนามเริ่มมีใช้ในยุค ค.ศ. 1800 เมื่อเกษตรกรมีความต้องการผลิตภัณฑ์รั้วมีลักษณะแหลมและราคาถูก เริ่มมีการออกแบบใช้ลวดพันกับหนาม หรือเรียกกันว่า “ลวดหนาม” ลวดหนามแบบพื้นฐานที่มีลวดหนาม 2-4 แฉก จากการใช้งานพิสูจน์แล้วว่ามีประสิทธิภาพสูงและเป็นที่นิยมมาก รั้วลวดหนามถูกนำมาใช้เพื่อให้ผู้คนและสัตว์เข้าหรือออกจากพื้นที่ อาจเป็นวิธีที่มีประสิทธิภาพในการเลี้ยงปศุสัตว์หลายสายพันธุ์ เนื่องจากพวกสัตว์จะไม่เข้าไปใกล้รั้วอีกเพราะว่าหนามทำให้เจ็บ รั้วลวดหนามถูกใช้ไปทั่วโลกและมีสามารถใช้รวมกับผลิตภัณฑ์รั้วประเภทอื่นได้

ลวดหนามเบอร์ที่นิยมใช้
ลวดหนามมีเบอร์อะไรบ้าง เบอร์ของลวดหนาม หรือขนาดของลวดที่เอามาใช้ผลิตลวดหนาม แต่ละเบอร์มีขนาดต่างกัน เบอร์ลวดหนามที่ใช้กันแพร่หลายมาจากมาตรฐาน SWG (Standard Wire Gauge) เป็นมาตรฐานของ British Standard Wire Gauge (BS3737 : 1964) ที่ใช้ในแบบสากล รวมถึงประเทศไทยก็ใช้มาตรฐานนี้ ในปัจจุบันนิยมใช้ลวดหนามเบอร์ 13 เบอร์ 14 และ เบอร์ 15
ลักษณะของหนาม
ลวดหนามในปัจจุบัน มีรูปแบบการพันหนามอยู่ 2 แบบ คือ

1. การพันเกลียวหนามแบบธรรมดา (Conventional)
เป็นการพันเกลียวลวดหนามแบบเก่า มีโอกาสที่หนามจะหลุด หรือเกลียวหนามอาจคลายได้ในส่วนของตัวเส้นลวดจะมีการพันเกลียวแบบหลวมๆ ไม่แน่น มีโอกาสที่ติดตั้งแล้วจะทำให้ลวดหนามหย่อนในอนาคต ตัวอย่างมีให้เห็นตามทั่วไป (ตามรูปด้านล่าง)


2. การพันเกลียวหนามแบบไขว้สลับ (Reversed Twist)
เป็นนวัตกรรมแบบใหม่ ที่มีการพันเกลียวนามแบบไขว้สลับ ตัวหนามจะแน่นเป็นพิเศษ แข็งแรงไม่มีหลุด ที่สำคัญเส้นลวดจะมีการพันสลับที่แน่นกว่าแบบเดิม หรือแบบพันเกลียวปกติ ทำให้เพิ่มความแข็งแรงของลวดหนามที่พันเกลียวด้วยลักษณะนี้ ปัจจุบันในประเทศไทยเริ่มมีลวดหนามซิงค์อลูฯ ไวน์แมนก็มีการพันเกลียวหนามแบบไขว้สลับ ทำให้ขึงตึง ไม่หย่อน (ตามรูปด้านล่าง)

การเคลือบสารกันสนิม หรือ การชุบซิงค์ของลวดหนาม
การเคลือบสารกันสนิมของลวดหนามในปัจจุบันหลัก ๆ มีการเคลือบอยู่ดังนี้คือ
การชุบซิงค์แบบไฟฟ้า (Electro Galvanized)
คือ กระบวนการผ่านกระแสไฟฟ้าเข้าไปในสารละลายเกลือของโลหะ (Metallic Salts) แล้วทำให้อิออนบวกวิ่งมารับประจุไฟฟ้าลบที่ชิ้นงาน ซึ่งทำหน้าที่เป็นขั้วลบ (Cathode) จึงทำให้เกิดเป็นชั้นผิวบางของโลหะมาเคลือบอยู่บนผิวด้านนอกของชิ้นงานการชุบซิงค์ จัดอยู่ในประเภทการชุบโลหะด้วยไฟฟ้า เป็นกระบวนการที่นิยมใช้กันมาก เนื่องจากสามารถนำโลหะ และอโลหะหลายชนิดมาทำการเคลือบผิว ในขณะเดียวกันก็สามารถเลือกโลหะที่จะนำมาเคลือบผิวได้หลากหลายชนิดด้วย ซึ่งการเคลือบในลักษณะนี้จะมีผิวเคลือบซิงค์ที่ค่อนข้างบางมาก ทำให้อายุการใช้งานของการชุบแบบนี้ อยู่ได้ไม่นานมากนัก อายุเฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ 6-12 เดือน

การชุบซิงค์แบบจุ่มร้อน ( Hot-Dipped Galvanized)
โดยปัจจุบันกระบวนการเคลือบสารกันสนิมหรือการชุบซิงค์ได้ถูกนำมาใช้ในวงการอุตสาหกรรมก่อสร้าง หรืออุตสาหกรรมชิ้นส่วนอุปกรณ์ไฟฟ้า การชุบซิงค์มีแบบจุ่มร้อน (Hot-Dipped Galvanized) ซึ่งปกติลวดหนามที่มีจำหน่ายในเมืองไทย ส่วนมากแล้วชุบซิงค์แบบจุ่มร้อน แต่จะชุบเพียงแค่ 20- 50 กรัมเพียงเท่านั้น ซึ่งเฉลี่ยแล้วสามารถทนสนิมได้นานแค่ 1-2 ปีเท่านั้น เนื่องจากเป็นปริมาณที่น้อยเกินไป ทำให้ปัจจุบันมีการพัฒนามาอย่างต่อเนื่อง จนมีกระบวนการชุบซิงค์แบบจุ่มร้อนหนาพิเศษขึ้นมา

ในต่างประเทศได้เริ่มใช้ลวดหนามชุบซิงค์แบบจุ่มร้อนมานานหลายปีแล้ว การเคลือบสารป้องกันสนิมหรือชุบซิงค์แบบจุ่มร้อนหนาพิเศษนั้น จะมีการชุบซิงค์แบบจุ่มร้อนเฉลี่ย 235-250 กรัม/ตารางเมตร ในส่วนประเทศไทยนั้นเริ่มมีลวดหนามชุบซิงค์แบบจุ่มร้อนหนาพิเศษเพื่อเพิ่มอายุการใช้งานแล้วเช่นกัน อย่างแบรนด์ลวดหนามเทวดาที่มีจำหน่ายอยู่ ลวดหนามที่มีการชุบซิงค์แบบจุ่มร้อนหนาพิเศษทำให้มีอายุการใช้งานมากว่าลวดหนามทั่วไปในท้องตลาด เฉลี่ยอยู่ที่ 30 – 50 ปี

ที่มา  vineman

20

จุดเริ่มต้นของลวดหนาม
รั้วลวดหนามผลิตด้วยลวดพันกับหนาม ลวดหนามเริ่มมีใช้ในยุค ค.ศ. 1800 เมื่อเกษตรกรมีความต้องการผลิตภัณฑ์รั้วมีลักษณะแหลมและราคาถูก เริ่มมีการออกแบบใช้ลวดพันกับหนาม หรือเรียกกันว่า “ลวดหนาม” ลวดหนามแบบพื้นฐานที่มีลวดหนาม 2-4 แฉก จากการใช้งานพิสูจน์แล้วว่ามีประสิทธิภาพสูงและเป็นที่นิยมมาก รั้วลวดหนามถูกนำมาใช้เพื่อให้ผู้คนและสัตว์เข้าหรือออกจากพื้นที่ อาจเป็นวิธีที่มีประสิทธิภาพในการเลี้ยงปศุสัตว์หลายสายพันธุ์ เนื่องจากพวกสัตว์จะไม่เข้าไปใกล้รั้วอีกเพราะว่าหนามทำให้เจ็บ รั้วลวดหนามถูกใช้ไปทั่วโลกและมีสามารถใช้รวมกับผลิตภัณฑ์รั้วประเภทอื่นได้

ลวดหนามเบอร์ที่นิยมใช้
ลวดหนามมีเบอร์อะไรบ้าง เบอร์ของลวดหนาม หรือขนาดของลวดที่เอามาใช้ผลิตลวดหนาม แต่ละเบอร์มีขนาดต่างกัน เบอร์ลวดหนามที่ใช้กันแพร่หลายมาจากมาตรฐาน SWG (Standard Wire Gauge) เป็นมาตรฐานของ British Standard Wire Gauge (BS3737 : 1964) ที่ใช้ในแบบสากล รวมถึงประเทศไทยก็ใช้มาตรฐานนี้ ในปัจจุบันนิยมใช้ลวดหนามเบอร์ 13 เบอร์ 14 และ เบอร์ 15
ลักษณะของหนาม
ลวดหนามในปัจจุบัน มีรูปแบบการพันหนามอยู่ 2 แบบ คือ

1. การพันเกลียวหนามแบบธรรมดา (Conventional)
เป็นการพันเกลียวลวดหนามแบบเก่า มีโอกาสที่หนามจะหลุด หรือเกลียวหนามอาจคลายได้ในส่วนของตัวเส้นลวดจะมีการพันเกลียวแบบหลวมๆ ไม่แน่น มีโอกาสที่ติดตั้งแล้วจะทำให้ลวดหนามหย่อนในอนาคต ตัวอย่างมีให้เห็นตามทั่วไป (ตามรูปด้านล่าง)


2. การพันเกลียวหนามแบบไขว้สลับ (Reversed Twist)
เป็นนวัตกรรมแบบใหม่ ที่มีการพันเกลียวนามแบบไขว้สลับ ตัวหนามจะแน่นเป็นพิเศษ แข็งแรงไม่มีหลุด ที่สำคัญเส้นลวดจะมีการพันสลับที่แน่นกว่าแบบเดิม หรือแบบพันเกลียวปกติ ทำให้เพิ่มความแข็งแรงของลวดหนามที่พันเกลียวด้วยลักษณะนี้ ปัจจุบันในประเทศไทยเริ่มมีลวดหนามซิงค์อลูฯ ไวน์แมนก็มีการพันเกลียวหนามแบบไขว้สลับ ทำให้ขึงตึง ไม่หย่อน (ตามรูปด้านล่าง)

การเคลือบสารกันสนิม หรือ การชุบซิงค์ของลวดหนาม
การเคลือบสารกันสนิมของลวดหนามในปัจจุบันหลัก ๆ มีการเคลือบอยู่ดังนี้คือ
การชุบซิงค์แบบไฟฟ้า (Electro Galvanized)
คือ กระบวนการผ่านกระแสไฟฟ้าเข้าไปในสารละลายเกลือของโลหะ (Metallic Salts) แล้วทำให้อิออนบวกวิ่งมารับประจุไฟฟ้าลบที่ชิ้นงาน ซึ่งทำหน้าที่เป็นขั้วลบ (Cathode) จึงทำให้เกิดเป็นชั้นผิวบางของโลหะมาเคลือบอยู่บนผิวด้านนอกของชิ้นงานการชุบซิงค์ จัดอยู่ในประเภทการชุบโลหะด้วยไฟฟ้า เป็นกระบวนการที่นิยมใช้กันมาก เนื่องจากสามารถนำโลหะ และอโลหะหลายชนิดมาทำการเคลือบผิว ในขณะเดียวกันก็สามารถเลือกโลหะที่จะนำมาเคลือบผิวได้หลากหลายชนิดด้วย ซึ่งการเคลือบในลักษณะนี้จะมีผิวเคลือบซิงค์ที่ค่อนข้างบางมาก ทำให้อายุการใช้งานของการชุบแบบนี้ อยู่ได้ไม่นานมากนัก อายุเฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ 6-12 เดือน

การชุบซิงค์แบบจุ่มร้อน ( Hot-Dipped Galvanized)
โดยปัจจุบันกระบวนการเคลือบสารกันสนิมหรือการชุบซิงค์ได้ถูกนำมาใช้ในวงการอุตสาหกรรมก่อสร้าง หรืออุตสาหกรรมชิ้นส่วนอุปกรณ์ไฟฟ้า การชุบซิงค์มีแบบจุ่มร้อน (Hot-Dipped Galvanized) ซึ่งปกติลวดหนามที่มีจำหน่ายในเมืองไทย ส่วนมากแล้วชุบซิงค์แบบจุ่มร้อน แต่จะชุบเพียงแค่ 20- 50 กรัมเพียงเท่านั้น ซึ่งเฉลี่ยแล้วสามารถทนสนิมได้นานแค่ 1-2 ปีเท่านั้น เนื่องจากเป็นปริมาณที่น้อยเกินไป ทำให้ปัจจุบันมีการพัฒนามาอย่างต่อเนื่อง จนมีกระบวนการชุบซิงค์แบบจุ่มร้อนหนาพิเศษขึ้นมา

ในต่างประเทศได้เริ่มใช้ลวดหนามชุบซิงค์แบบจุ่มร้อนมานานหลายปีแล้ว การเคลือบสารป้องกันสนิมหรือชุบซิงค์แบบจุ่มร้อนหนาพิเศษนั้น จะมีการชุบซิงค์แบบจุ่มร้อนเฉลี่ย 235-250 กรัม/ตารางเมตร ในส่วนประเทศไทยนั้นเริ่มมีลวดหนามชุบซิงค์แบบจุ่มร้อนหนาพิเศษเพื่อเพิ่มอายุการใช้งานแล้วเช่นกัน อย่างแบรนด์ลวดหนามเทวดาที่มีจำหน่ายอยู่ ลวดหนามที่มีการชุบซิงค์แบบจุ่มร้อนหนาพิเศษทำให้มีอายุการใช้งานมากว่าลวดหนามทั่วไปในท้องตลาด เฉลี่ยอยู่ที่ 30 – 50 ปี

ที่มา  vineman

21
เลือกรั้วที่ใช่ รั้วที่ได้คุณภาพ ตอบโจทย์การใช้งาน

การเลือก “รั้ว” เป็นสิ่งสำคัญ เป็นด่านแรกในการปกป้องบ้าน หรือพื้นที่อื่นๆ ภายในบริเวณบ้าน ที่ต้องการความปลอดภัยสูง ก่อนที่เราจะเลือกรั้ว เราต้องกำหนดวัตถุประสงค์การล้อมรั้วก่อน ซึ่งการล้อมรั้วมีหลากหลายเหตุผล ไม่ว่าจะเป็นความปลอดภัย ความเป็นส่วนตัว ความสวยงามของรั้ว หรือการใช้งานที่หลากหลาย เช่น เพื่อป้องกันสัตว์เข้ามาในพื้นที่ การกำหนดวัตถุประสงค์เราจะเลือกรั้วได้ตรงกับการใช้งาน เมื่อเรารู้แล้วว่าเราล้อมรั้วเพื่ออะไร เราต้องเลือกวัสดุที่เหมาะสมกับสภาพอากาศและสภาพแวดล้อมในพื้นที่ที่จะติดตั้ง วัสดุที่นำมาสร้างรั้วก็มีหลากหลายประเภท เช่น เหล็ก , ไม้, โลหะ, คอนกรีต, หิน, หรือแม้แต่พลาสติก วัสดุที่เลือกใช้งานส่งผลต่อความแข็งแรงและความคงทนของรั้วเช่นกัน  ดังนั้นการเลือกวัสดุต่างๆ ก็เป็นสิ่งสำคัญ  สิ่งหนึ่งที่เรามองข้ามไปไม่ได้เลย นั่นคือวิธีการติดตั้ง รั้วที่เราเลือกใช้งานติดตั้งเองได้หรือไม่ หรือใช้บริการจากผู้เชี่ยวชาญในการติดตั้ง  เพราะวิธีการติดตั้งรั้วก็เป็นหนึ่งในงบประมาณหลักนั่นคือค่าแรงที่เราต้องใช้จ่าย ถ้าเลือกรั้วที่ติดตั้งยากก็จำเป็นต้องมีผู้เชี่ยวชาญ ทำให้มีค่าใช้จ่ายที่สูง แต่ไม่ว่าจะเหตุผลใด การเลือกรั้ว ต้องครอบคลุมกับงบประมาณที่วางไว้อยู่อย่างจำกัด   

         

ปัจจุบันในประเทศไทย มีรั้วหลากหลายชนิดให้เลือกใช้งานกัน อาทิ รั้วตาข่าย , ลวดหนาม , รั้วปูน , รั้วคอนกรีต , รั้วต้นไม้ , รั้วสังกะสี  แต่ถ้าให้เลือกว่ารั้วยอดนิยมในตอนนี้ คงนี้ไม่พ้นรั้วลวดหนาม และรั้วตาข่าย ซึ่งรั้วลวดหนามและรั้วตาข่ายก็มีหลากหลากหลายประเภทให้เลือกใช้งาน เช่น  รั้วตาข่ายถักปม รั้วตาข่ายฟิคซ์ล็อค ซึ่งรั้วแต่ละแบบจะมีข้อดี รวมถึงการใช้งานที่แตกต่างกันไป การเลือกรั้วในแต่ละประเภท ต้องตอบโจทย์การใช้งานว่าเราจะล้อมอะไร และ รั้วแบบไหนถึงเหมาะสมที่สุด
รั้วลวดหนาม รั้วยอดนิยมในประเทศไทย

การล้อม รั้วลวดหนาม ถือเป็นรั้วอีกประเภทหนึ่งที่หลายท่านให้ความสนใจ และคุ้นเคยกัน โดยนำมาใช้ในการกั้น และกำหนดขอบเขตของบ้าน ที่ดิน หรือสิ่งปลูกสร้างประเภทต่าง ๆ เพื่อให้มีการแบ่งพื้นที่เป็นสัดส่วนได้อย่างชัดเจน และป้องกันการบุกรุกจากบุคคลอื่น รั้วลวดหนาม รั้วที่ค่อนตอบโจทย์คนไทย เพราะติดตั้งง่าย หาซื้อง่าย และราคาไม่แพงมาก
              รั้วลวดหนาม  (Barbed Wire) คือ ผลิตด้วยลวดพันกับหนาม ลวดหนามเริ่มมีใช้ในยุค ค.ศ. 1800 เมื่อเกษตรกรมีความต้องการผลิตภัณฑ์รั้ว ที่มีลักษณะแหลมและราคาถูก เริ่มมีการออกแบบใช้ลวดพันกับหนาม หรือเรียกกันว่า “ลวดหนาม” ลวดหนามแบบพื้นฐาน ที่มีลวดหนาม 2-4 แฉก จากการใช้งาน พิสูจน์แล้วว่า มีประสิทธิภาพสูง และเป็นที่นิยมมาก

รั้วลวดหนามในประเทศไทยในปัจจุบัน มีหลากหลายคุณภาพให้เลือกใช้งาน ที่เราพบเห็นกันในตอนนี้ ลวดหนามทั่วไป เป็นวิธีการชุบซิงค์แบบไฟฟ้า การเคลือบในลักษณะนี้จะมีผิวเคลือบซิงค์ที่ค่อนข้างบางมาก  จะเกิดสนิมอย่างรวดเร็ว ระยะการใช้งานเฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ 6 เดือน – 1 ปี เท่านั้น แต่ตอนนี้ ลวดหนามได้พัฒนาคุณภาพให้ดียิ่งขึ้น เป็นวิธีการชุบซิงค์แบบจุ่มร้อน (Hot dipped galvanized) เป็นวิธีการที่ทำให้ลวดหนาม ทนสนิมได้ยาวนานยิ่งขึ้น  ซึ่งปกติลวดหนามที่มีจำหน่ายในเมืองไทย ส่วนมากแล้วชุบซิงค์แบบจุ่มร้อน แต่จะชุบเพียงแค่ 20- 50 กรัม/ตารางเมตร เพียงเท่านั้น ซึ่งเฉลี่ยแล้วสามารถทนสนิมได้นานแค่ 1-2 ปี เนื่องจากเป็นปริมาณที่น้อยเกินไป ทำให้ปัจจุบันมีการพัฒนามาอย่างต่อเนื่อง จนมีกระบวนการชุบซิงค์แบบจุ่มร้อนหนาพิเศษขึ้นมา  รั้วลวดหนามเทวดา มีวิธีการชุบซิงค์แบบจุ่มร้อนอย่างหนาพิเศษ เฉลี่ยมากกว่า 245 กรัม/ตารางเมตร ทำให้มีอายุการใช้งานมากว่าลวดหนามทั่วไปในท้องตลาด เฉลี่ยอายุการใช้งานอยู่ที่ 30-40 ปี

รั้วตาข่าย รั้วที่ตอบโจทย์การใช้งานได้หลากหลาย
รั้วทางเลือกยอดนิยมตอนนี้ คงหนีไม่พ้น  รั้วตาข่าย หรือ รั้วตาข่ายถัก ที่รู้จักและเรียกกัน  รั้วตาข่ายเป็นที่นิยมเพิ่มมากในปัจจุบัน รั้วตาข่ายถัก ผลิตออกมา เพื่อทดแทนการใช้งานของลวดหนาม ที่ป้องกันได้มากกว่า ใช้งานได้หลากหลาย และปลอดภัยมากกว่า ซึ่งรั้วลวดหนามเน้นกันพื้นที่ ล้อมอาณาเขตทั่วไป รวมถึงตัวหนามของลวดหนาม สามารถเป็นอันตรายต่อบางพื้นที่ที่จะล้อม แต่รั้วตาข่ายถักปม สามารถล้อมบ้าน ล้อมสวน หรือแม้กระทั่งล้อมสัตว์ ที่ตอบโจทย์มากกว่า และตัวปมของรั้วตาข่าย ไม่มีรอยคม ไม่มีหนาม ปลอดภัยมากกว่าใช้งานล้อมรั้วได้ในพื้นที่ที่คนเดินเท้าหนาแน่น หรือบริเวณที่มีเด็ก รวมถึงสัตว์เลี้ยงที่เสี่ยงโดนหนามให้บาดเจ็บ ทำให้ปัจจุบันเริ่มเป็นที่รู้จักกันมากขึ้นในกลุ่มคนหลาย ๆ กลุ่ม เช่น กลุ่มคนล้อมรั้ว กลุ่มผู้รับเหมาก่อสร้าง กลุ่มผู้เลี้ยงสัตว์ กลุ่มผู้ออกแบบ รวมถึงหน่วยงานราชการอย่างกรมปศุสัตว์ ฯลฯ รั้วตาข่ายถือว่าเป็นสินค้าที่ตอบโจทย์ในการทำงานหลาย ๆ ด้าน เป็นรั้วอเนกประสงค์ ที่ใช้งานได้หลากหลาย  ทำให้ในตลาดรั้วตาข่ายตอนนี้มีหลากหลายแบรนด์ให้เลือกซื้อ แต่การเลือกซื้อรั้วตาข่ายเราต้องดูอะไรบ้าง เพื่อที่เราจะได้สินค้าดีมีคุณภาพ และใช้งานได้ยาวนานและคุ้มค่าที่สุด

22
เลือกรั้วที่ใช่ รั้วที่ได้คุณภาพ ตอบโจทย์การใช้งาน

การเลือก “รั้ว” เป็นสิ่งสำคัญ เป็นด่านแรกในการปกป้องบ้าน หรือพื้นที่อื่นๆ ภายในบริเวณบ้าน ที่ต้องการความปลอดภัยสูง ก่อนที่เราจะเลือกรั้ว เราต้องกำหนดวัตถุประสงค์การล้อมรั้วก่อน ซึ่งการล้อมรั้วมีหลากหลายเหตุผล ไม่ว่าจะเป็นความปลอดภัย ความเป็นส่วนตัว ความสวยงามของรั้ว หรือการใช้งานที่หลากหลาย เช่น เพื่อป้องกันสัตว์เข้ามาในพื้นที่ การกำหนดวัตถุประสงค์เราจะเลือกรั้วได้ตรงกับการใช้งาน เมื่อเรารู้แล้วว่าเราล้อมรั้วเพื่ออะไร เราต้องเลือกวัสดุที่เหมาะสมกับสภาพอากาศและสภาพแวดล้อมในพื้นที่ที่จะติดตั้ง วัสดุที่นำมาสร้างรั้วก็มีหลากหลายประเภท เช่น เหล็ก , ไม้, โลหะ, คอนกรีต, หิน, หรือแม้แต่พลาสติก วัสดุที่เลือกใช้งานส่งผลต่อความแข็งแรงและความคงทนของรั้วเช่นกัน  ดังนั้นการเลือกวัสดุต่างๆ ก็เป็นสิ่งสำคัญ  สิ่งหนึ่งที่เรามองข้ามไปไม่ได้เลย นั่นคือวิธีการติดตั้ง รั้วที่เราเลือกใช้งานติดตั้งเองได้หรือไม่ หรือใช้บริการจากผู้เชี่ยวชาญในการติดตั้ง  เพราะวิธีการติดตั้งรั้วก็เป็นหนึ่งในงบประมาณหลักนั่นคือค่าแรงที่เราต้องใช้จ่าย ถ้าเลือกรั้วที่ติดตั้งยากก็จำเป็นต้องมีผู้เชี่ยวชาญ ทำให้มีค่าใช้จ่ายที่สูง แต่ไม่ว่าจะเหตุผลใด การเลือกรั้ว ต้องครอบคลุมกับงบประมาณที่วางไว้อยู่อย่างจำกัด   

         

ปัจจุบันในประเทศไทย มีรั้วหลากหลายชนิดให้เลือกใช้งานกัน อาทิ รั้วตาข่าย , ลวดหนาม , รั้วปูน , รั้วคอนกรีต , รั้วต้นไม้ , รั้วสังกะสี  แต่ถ้าให้เลือกว่ารั้วยอดนิยมในตอนนี้ คงนี้ไม่พ้นรั้วลวดหนาม และรั้วตาข่าย ซึ่งรั้วลวดหนามและรั้วตาข่ายก็มีหลากหลากหลายประเภทให้เลือกใช้งาน เช่น  รั้วตาข่ายถักปม รั้วตาข่ายฟิคซ์ล็อค ซึ่งรั้วแต่ละแบบจะมีข้อดี รวมถึงการใช้งานที่แตกต่างกันไป การเลือกรั้วในแต่ละประเภท ต้องตอบโจทย์การใช้งานว่าเราจะล้อมอะไร และ รั้วแบบไหนถึงเหมาะสมที่สุด
รั้วลวดหนาม รั้วยอดนิยมในประเทศไทย

การล้อม รั้วลวดหนาม ถือเป็นรั้วอีกประเภทหนึ่งที่หลายท่านให้ความสนใจ และคุ้นเคยกัน โดยนำมาใช้ในการกั้น และกำหนดขอบเขตของบ้าน ที่ดิน หรือสิ่งปลูกสร้างประเภทต่าง ๆ เพื่อให้มีการแบ่งพื้นที่เป็นสัดส่วนได้อย่างชัดเจน และป้องกันการบุกรุกจากบุคคลอื่น รั้วลวดหนาม รั้วที่ค่อนตอบโจทย์คนไทย เพราะติดตั้งง่าย หาซื้อง่าย และราคาไม่แพงมาก
              รั้วลวดหนาม  (Barbed Wire) คือ ผลิตด้วยลวดพันกับหนาม ลวดหนามเริ่มมีใช้ในยุค ค.ศ. 1800 เมื่อเกษตรกรมีความต้องการผลิตภัณฑ์รั้ว ที่มีลักษณะแหลมและราคาถูก เริ่มมีการออกแบบใช้ลวดพันกับหนาม หรือเรียกกันว่า “ลวดหนาม” ลวดหนามแบบพื้นฐาน ที่มีลวดหนาม 2-4 แฉก จากการใช้งาน พิสูจน์แล้วว่า มีประสิทธิภาพสูง และเป็นที่นิยมมาก

รั้วลวดหนามในประเทศไทยในปัจจุบัน มีหลากหลายคุณภาพให้เลือกใช้งาน ที่เราพบเห็นกันในตอนนี้ ลวดหนามทั่วไป เป็นวิธีการชุบซิงค์แบบไฟฟ้า การเคลือบในลักษณะนี้จะมีผิวเคลือบซิงค์ที่ค่อนข้างบางมาก  จะเกิดสนิมอย่างรวดเร็ว ระยะการใช้งานเฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ 6 เดือน – 1 ปี เท่านั้น แต่ตอนนี้ ลวดหนามได้พัฒนาคุณภาพให้ดียิ่งขึ้น เป็นวิธีการชุบซิงค์แบบจุ่มร้อน (Hot dipped galvanized) เป็นวิธีการที่ทำให้ลวดหนาม ทนสนิมได้ยาวนานยิ่งขึ้น  ซึ่งปกติลวดหนามที่มีจำหน่ายในเมืองไทย ส่วนมากแล้วชุบซิงค์แบบจุ่มร้อน แต่จะชุบเพียงแค่ 20- 50 กรัม/ตารางเมตร เพียงเท่านั้น ซึ่งเฉลี่ยแล้วสามารถทนสนิมได้นานแค่ 1-2 ปี เนื่องจากเป็นปริมาณที่น้อยเกินไป ทำให้ปัจจุบันมีการพัฒนามาอย่างต่อเนื่อง จนมีกระบวนการชุบซิงค์แบบจุ่มร้อนหนาพิเศษขึ้นมา  รั้วลวดหนามเทวดา มีวิธีการชุบซิงค์แบบจุ่มร้อนอย่างหนาพิเศษ เฉลี่ยมากกว่า 245 กรัม/ตารางเมตร ทำให้มีอายุการใช้งานมากว่าลวดหนามทั่วไปในท้องตลาด เฉลี่ยอายุการใช้งานอยู่ที่ 30-40 ปี

รั้วตาข่าย รั้วที่ตอบโจทย์การใช้งานได้หลากหลาย
รั้วทางเลือกยอดนิยมตอนนี้ คงหนีไม่พ้น  รั้วตาข่าย หรือ รั้วตาข่ายถัก ที่รู้จักและเรียกกัน  รั้วตาข่ายเป็นที่นิยมเพิ่มมากในปัจจุบัน รั้วตาข่ายถัก ผลิตออกมา เพื่อทดแทนการใช้งานของลวดหนาม ที่ป้องกันได้มากกว่า ใช้งานได้หลากหลาย และปลอดภัยมากกว่า ซึ่งรั้วลวดหนามเน้นกันพื้นที่ ล้อมอาณาเขตทั่วไป รวมถึงตัวหนามของลวดหนาม สามารถเป็นอันตรายต่อบางพื้นที่ที่จะล้อม แต่รั้วตาข่ายถักปม สามารถล้อมบ้าน ล้อมสวน หรือแม้กระทั่งล้อมสัตว์ ที่ตอบโจทย์มากกว่า และตัวปมของรั้วตาข่าย ไม่มีรอยคม ไม่มีหนาม ปลอดภัยมากกว่าใช้งานล้อมรั้วได้ในพื้นที่ที่คนเดินเท้าหนาแน่น หรือบริเวณที่มีเด็ก รวมถึงสัตว์เลี้ยงที่เสี่ยงโดนหนามให้บาดเจ็บ ทำให้ปัจจุบันเริ่มเป็นที่รู้จักกันมากขึ้นในกลุ่มคนหลาย ๆ กลุ่ม เช่น กลุ่มคนล้อมรั้ว กลุ่มผู้รับเหมาก่อสร้าง กลุ่มผู้เลี้ยงสัตว์ กลุ่มผู้ออกแบบ รวมถึงหน่วยงานราชการอย่างกรมปศุสัตว์ ฯลฯ รั้วตาข่ายถือว่าเป็นสินค้าที่ตอบโจทย์ในการทำงานหลาย ๆ ด้าน เป็นรั้วอเนกประสงค์ ที่ใช้งานได้หลากหลาย  ทำให้ในตลาดรั้วตาข่ายตอนนี้มีหลากหลายแบรนด์ให้เลือกซื้อ แต่การเลือกซื้อรั้วตาข่ายเราต้องดูอะไรบ้าง เพื่อที่เราจะได้สินค้าดีมีคุณภาพ และใช้งานได้ยาวนานและคุ้มค่าที่สุด

23
ความหลากหลายของลวดหนาม:
ลวดหนามเป็นวัสดุที่คงทนและหาได้ง่ายที่มีความหลากหลายในการใช้งาน ทั้งในงานก่อสร้าง การปรับปรุงที่ดิน การทำเกษตร และหลายสถานการณ์ในชีวิตประจำวัน

การใช้งานในงานก่อสร้าง: ลวดหนามเป็นวัสดุที่มีความแข็งแรงและคงทนต่อสภาพอากาศ นิยมใช้ในการก่อสร้างอาคาร รั้วบ้าน รั้วเหล็ก และโครงสร้างที่ต้องการความคงทนในระยะยาว

การปรับปรุงที่ดิน: ในการปรับปรุงที่ดินหรือการตกแต่งสวน ลวดหนามมักถูกใช้ในการสร้างโครงสร้างใหม่ เช่น พื้นที่ปลูกผัก ระบบรางน้ำ หรือระบบรองรับพื้นที่ในการปลูกต้นไม้

การใช้งานในการเกษตร: ลวดหนามเป็นเครื่องมือที่มีประโยชน์ในการทำเกษตร สามารถใช้ในการสร้างกรงเลี้ยงสัตว์ ระบบรั้วสำหรับควบคุมแปลงที่ดิน และอุปกรณ์สำหรับระบบช่วยในการเกษตรแบบต่างๆ

การป้องกันและความปลอดภัยของลวดหนาม:
ลวดหนามเป็นวัสดุที่มีความคงทนต่อความเสียหายและการทำลาย นั่นเป็นเหตุผลที่คนหลายคนนิยมใช้ลวดหนามในการป้องกันความบกพร่องของที่ดินและทรัพย์สิน

รั้วควบคุมและป้องกัน: การใช้ลวดหนามในการสร้างรั้วควบคุมเป็นทางเลือกที่คุ้มค่าและมีประสิทธิภาพสูงในการป้องกันการบุกรุก สามารถใช้รั้วลวดหนามรอบๆ บ้านหรือพื้นที่ที่ต้องการความปลอดภัยเสริมความควบคุมและป้องกันการเข้ามาในพื้นที่โดยไม่ได้รับอนุญาต

การป้องกันสัตว์ไม่พึงประสงค์: ในการเกษตรและสวนเรือน การใช้ลวดหนามเป็นรั้วควบคุมสัตว์ในพื้นที่ที่ต้องการป้องกันสัตว์ป่าหรือสัตว์เลี้ยงที่ไม่พึงประสงค์เข้ามาทำลาย สามารถช่วยลดความเสียหายที่เกิดจากการโจมตีของสัตว์นั้นๆ

ความนิยมของลวดหนามในปัจจุบัน:
ในปัจจุบัน ลวดหนามเป็นวัสดุที่มีความนิยมและได้รับความนิยมในการใช้งานในหลากหลายอุตสาหกรรม ไม่ว่าจะเป็นในงานก่อสร้าง การเกษตร หรือการใช้งานในชีวิตประจำวัน ความทนทานและความคงทนของลวดหนามทำให้เป็นเลือกที่คุ้มค่าและมีประสิทธิภาพสูงในการใช้งานในสถานการณ์ต่างๆ

ท้าทายในการใช้งานลวดหนามคือการเลือกใช้ในสถานที่ที่เปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา ต้องให้ความสำคัญในการเลือกวัสดุและปรับใช้ให้เหมาะสมกับสภาพแวดล้อมและความต้องการของการใช้งานในแต่ละครั้ง

สรุป:
ลวดหนามเป็นวัสดุที่หาได้ง่ายและมีความหลากหลายในการใช้งาน สามารถนำไปใช้ในงานก่อสร้าง การปรับปรุงที่ดิน การทำเกษตร และในชีวิตประจำวัน การป้องกันและความปลอดภัยเป็นสิ่งสำคัญในการใช้งานลวดหนาม ความทนทานและความคงทนของลวดหนามทำให้เป็นเลือกที่คุ้มค่าและมีประสิทธิภาพสูงในการใช้งานในสถานการณ์ต่างๆ ทั้งนี้
 ควรให้ความสำคัญในการเลือกใช้ลวดหนามให้เหมาะสมกับสภาพแวดล้อมและความต้องการของการใช้งานในแต่ละครั้ง

24
ความหลากหลายของลวดหนาม:
ลวดหนามเป็นวัสดุที่คงทนและหาได้ง่ายที่มีความหลากหลายในการใช้งาน ทั้งในงานก่อสร้าง การปรับปรุงที่ดิน การทำเกษตร และหลายสถานการณ์ในชีวิตประจำวัน

การใช้งานในงานก่อสร้าง: ลวดหนามเป็นวัสดุที่มีความแข็งแรงและคงทนต่อสภาพอากาศ นิยมใช้ในการก่อสร้างอาคาร รั้วบ้าน รั้วเหล็ก และโครงสร้างที่ต้องการความคงทนในระยะยาว

การปรับปรุงที่ดิน: ในการปรับปรุงที่ดินหรือการตกแต่งสวน ลวดหนามมักถูกใช้ในการสร้างโครงสร้างใหม่ เช่น พื้นที่ปลูกผัก ระบบรางน้ำ หรือระบบรองรับพื้นที่ในการปลูกต้นไม้

การใช้งานในการเกษตร: ลวดหนามเป็นเครื่องมือที่มีประโยชน์ในการทำเกษตร สามารถใช้ในการสร้างกรงเลี้ยงสัตว์ ระบบรั้วสำหรับควบคุมแปลงที่ดิน และอุปกรณ์สำหรับระบบช่วยในการเกษตรแบบต่างๆ

การป้องกันและความปลอดภัยของลวดหนาม:
ลวดหนามเป็นวัสดุที่มีความคงทนต่อความเสียหายและการทำลาย นั่นเป็นเหตุผลที่คนหลายคนนิยมใช้ลวดหนามในการป้องกันความบกพร่องของที่ดินและทรัพย์สิน

รั้วควบคุมและป้องกัน: การใช้ลวดหนามในการสร้างรั้วควบคุมเป็นทางเลือกที่คุ้มค่าและมีประสิทธิภาพสูงในการป้องกันการบุกรุก สามารถใช้รั้วลวดหนามรอบๆ บ้านหรือพื้นที่ที่ต้องการความปลอดภัยเสริมความควบคุมและป้องกันการเข้ามาในพื้นที่โดยไม่ได้รับอนุญาต

การป้องกันสัตว์ไม่พึงประสงค์: ในการเกษตรและสวนเรือน การใช้ลวดหนามเป็นรั้วควบคุมสัตว์ในพื้นที่ที่ต้องการป้องกันสัตว์ป่าหรือสัตว์เลี้ยงที่ไม่พึงประสงค์เข้ามาทำลาย สามารถช่วยลดความเสียหายที่เกิดจากการโจมตีของสัตว์นั้นๆ

ความนิยมของลวดหนามในปัจจุบัน:
ในปัจจุบัน ลวดหนามเป็นวัสดุที่มีความนิยมและได้รับความนิยมในการใช้งานในหลากหลายอุตสาหกรรม ไม่ว่าจะเป็นในงานก่อสร้าง การเกษตร หรือการใช้งานในชีวิตประจำวัน ความทนทานและความคงทนของลวดหนามทำให้เป็นเลือกที่คุ้มค่าและมีประสิทธิภาพสูงในการใช้งานในสถานการณ์ต่างๆ

ท้าทายในการใช้งานลวดหนามคือการเลือกใช้ในสถานที่ที่เปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา ต้องให้ความสำคัญในการเลือกวัสดุและปรับใช้ให้เหมาะสมกับสภาพแวดล้อมและความต้องการของการใช้งานในแต่ละครั้ง

สรุป:
ลวดหนามเป็นวัสดุที่หาได้ง่ายและมีความหลากหลายในการใช้งาน สามารถนำไปใช้ในงานก่อสร้าง การปรับปรุงที่ดิน การทำเกษตร และในชีวิตประจำวัน การป้องกันและความปลอดภัยเป็นสิ่งสำคัญในการใช้งานลวดหนาม ความทนทานและความคงทนของลวดหนามทำให้เป็นเลือกที่คุ้มค่าและมีประสิทธิภาพสูงในการใช้งานในสถานการณ์ต่างๆ ทั้งนี้
 ควรให้ความสำคัญในการเลือกใช้ลวดหนามให้เหมาะสมกับสภาพแวดล้อมและความต้องการของการใช้งานในแต่ละครั้ง

25


สำหรับคนที่มีสวนหรือที่ดินว่าง การใส่รั้วตาข่ายเป็นอีกหนึ่งวิธีที่มีประโยชน์ในการปรับปรุงความสวยงามและความปลอดภัยให้กับพื้นที่ดังกล่าว รั้วตาข่ายเป็นอุปกรณ์ที่คงทนและสามารถนำไปใช้ป้องกันและตกแต่งในหลากหลายสถานที่ได้อย่างหลากหลาย ในบทความนี้เราจะพูดถึงความสำคัญและการใช้งานของรั้วตาข่ายในชีวิตประจำวัน รวมถึงการตลาดและความนิยมในปัจจุบัน

ความสำคัญของรั้วตาข่าย:

ความปลอดภัยในบ้านและสวน: รั้วตาข่ายเป็นเครื่องมือที่มีประโยชน์ในการป้องกันการเข้ามาของสัตว์ป่าหรือสัตว์เลี้ยงไม่พึงประสงค์ในพื้นที่ของเรา นอกจากนี้ยังช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดอุบัติเหตุหรือการจมน้ำในบ่อน้ำหรือสระว่ายน้ำของเด็กๆ ในสวนหรือที่ดิน

การป้องกันการบุกรุกและการขโมย: รั้วตาข่ายสามารถช่วยป้องกันการบุกรุกและการขโมยทรัพย์สินที่อยู่ภายในบ้านหรือพื้นที่ที่เราต้องการปกป้อง การใส่รั้วตาข่ายให้สูงและคงทนสามารถส่งเสริมความปลอดภัยให้กับบ้านและที่ดิน

การตกแต่งสวนและสถานที่ในสวน: รั้วตาข่ายมีลวดลายที่สวยงามและสีสันที่สามารถเสริมสร้างความงามให้กับสวนและสถานที่ในสวน ลักษณะของรั้วที่โปร่งใสยังช่วยให้ความเปิดเผยและความรู้สึกของการเชื่อมโยงระหว่างสวนและภูมิประเทศ

ความคงทนและต้านทานต่อสภาพอากาศ: รั้วตาข่ายที่ถูกออกแบบด้วยวัสดุที่คงทนและต้านทานต่อสภาพอากาศสามารถทนทานและใช้งานได้ตลอดเวลา ไม่ว่าจะเป็นในช่วงฤดูฝนหรือฤดูร้อน

การใช้งานรั้วตาข่ายในชีวิตประจำวัน:

การใช้ในสวนและที่ดิน: รั้วตาข่ายเป็นที่นิยมในการใช้ในสวนและที่ดินที่มีขนาดกว้าง ไม่ว่าจะเป็นสวนบ้านหรือสวนในที่ทำการเกษตร รั้วตาข่ายช่วยเพิ่มความสวยงามให้กับสวนและสามารถเลี้ยงสัตว์เลี้ยงเล็กๆ ให้อยู่ในพื้นที่ที่ปลอดภัย

ใช้เป็นรั้วประจำบ้านหรือบริเตน: รั้วตาข่ายสามารถใช้เป็นรั้วประจำบ้านหรือบริเตนที่ต้องการความโปร่งใสและเปิดกว้าง สามารถใส่พืชติดรั้วเพื่อเพิ่มความเขียวเขียวให้กับรั้วตาข่าย

การใช้เป็นรั้วกันสัตว์: รั้วตาข่ายเป็นอุปกรณ์ที่ช่วยในการกันสัตว์ไม่พึงประสงค์ สามารถใช้ในบริเตนของสัตว์เลี้ยงเพื่อให้พวกเขาอยู่ในพื้นที่ที่ปลอดภัยและป้องกันการออกไปจากบริเตน

การใช้เป็นรั้วป้องกันสำหรับเด็ก: รั้วตาข่ายที่สูงเพียงพอสำหรับเด็กสามารถทำหน้าที่เป็นรั้วป้องกันเพื่อให้เด็กอยู่ในบริเตนอย่างปลอดภัย

ความนิยมและการตลาดของรั้วตาข่าย:
ในปัจจุบัน รั้วตาข่ายได้รับความนิยมอย่างกว้างขวางในการใช้งานทั้งในสวนบ้าน ที่ดินว่าง ที่ทำการเกษตร และสถานที่อื่นๆ ในที่น่าสนใจ โดยเฉพาะในช่วงเวลาที่ต้องการปรับปรุงความสวยงามและความปลอดภัยของพื้นที่ การตลาดรั้วตาข่ายในปัจจุบันมีความเน้นที่ความทนทาน ความปลอดภัย รวมถึงการให้ความสำคัญในการตกแต่งสวนและพื้นที่ในสวน

การใช้งานรั้วตาข่ายเป็นอีกหนึ่งวิธีที่น่าสนใจและน่าพิจารณาในการปรับปรุงสวนหรือที่ดินของคุณ ไม่เพียงเท่านั้นที่จะช่วยเสริมสร้างความสวยงาม แต่ยังช่วยเพิ่มความปลอดภัยและประสบการณ์ในการใช้งานของพื้นที่ดังกล่าวอีกด้วย

ขอขอบคุณ รั้วตาข่าย

26


สำหรับคนที่มีสวนหรือที่ดินว่าง การใส่รั้วตาข่ายเป็นอีกหนึ่งวิธีที่มีประโยชน์ในการปรับปรุงความสวยงามและความปลอดภัยให้กับพื้นที่ดังกล่าว รั้วตาข่ายเป็นอุปกรณ์ที่คงทนและสามารถนำไปใช้ป้องกันและตกแต่งในหลากหลายสถานที่ได้อย่างหลากหลาย ในบทความนี้เราจะพูดถึงความสำคัญและการใช้งานของรั้วตาข่ายในชีวิตประจำวัน รวมถึงการตลาดและความนิยมในปัจจุบัน

ความสำคัญของรั้วตาข่าย:

ความปลอดภัยในบ้านและสวน: รั้วตาข่ายเป็นเครื่องมือที่มีประโยชน์ในการป้องกันการเข้ามาของสัตว์ป่าหรือสัตว์เลี้ยงไม่พึงประสงค์ในพื้นที่ของเรา นอกจากนี้ยังช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดอุบัติเหตุหรือการจมน้ำในบ่อน้ำหรือสระว่ายน้ำของเด็กๆ ในสวนหรือที่ดิน

การป้องกันการบุกรุกและการขโมย: รั้วตาข่ายสามารถช่วยป้องกันการบุกรุกและการขโมยทรัพย์สินที่อยู่ภายในบ้านหรือพื้นที่ที่เราต้องการปกป้อง การใส่รั้วตาข่ายให้สูงและคงทนสามารถส่งเสริมความปลอดภัยให้กับบ้านและที่ดิน

การตกแต่งสวนและสถานที่ในสวน: รั้วตาข่ายมีลวดลายที่สวยงามและสีสันที่สามารถเสริมสร้างความงามให้กับสวนและสถานที่ในสวน ลักษณะของรั้วที่โปร่งใสยังช่วยให้ความเปิดเผยและความรู้สึกของการเชื่อมโยงระหว่างสวนและภูมิประเทศ

ความคงทนและต้านทานต่อสภาพอากาศ: รั้วตาข่ายที่ถูกออกแบบด้วยวัสดุที่คงทนและต้านทานต่อสภาพอากาศสามารถทนทานและใช้งานได้ตลอดเวลา ไม่ว่าจะเป็นในช่วงฤดูฝนหรือฤดูร้อน

การใช้งานรั้วตาข่ายในชีวิตประจำวัน:

การใช้ในสวนและที่ดิน: รั้วตาข่ายเป็นที่นิยมในการใช้ในสวนและที่ดินที่มีขนาดกว้าง ไม่ว่าจะเป็นสวนบ้านหรือสวนในที่ทำการเกษตร รั้วตาข่ายช่วยเพิ่มความสวยงามให้กับสวนและสามารถเลี้ยงสัตว์เลี้ยงเล็กๆ ให้อยู่ในพื้นที่ที่ปลอดภัย

ใช้เป็นรั้วประจำบ้านหรือบริเตน: รั้วตาข่ายสามารถใช้เป็นรั้วประจำบ้านหรือบริเตนที่ต้องการความโปร่งใสและเปิดกว้าง สามารถใส่พืชติดรั้วเพื่อเพิ่มความเขียวเขียวให้กับรั้วตาข่าย

การใช้เป็นรั้วกันสัตว์: รั้วตาข่ายเป็นอุปกรณ์ที่ช่วยในการกันสัตว์ไม่พึงประสงค์ สามารถใช้ในบริเตนของสัตว์เลี้ยงเพื่อให้พวกเขาอยู่ในพื้นที่ที่ปลอดภัยและป้องกันการออกไปจากบริเตน

การใช้เป็นรั้วป้องกันสำหรับเด็ก: รั้วตาข่ายที่สูงเพียงพอสำหรับเด็กสามารถทำหน้าที่เป็นรั้วป้องกันเพื่อให้เด็กอยู่ในบริเตนอย่างปลอดภัย

ความนิยมและการตลาดของรั้วตาข่าย:
ในปัจจุบัน รั้วตาข่ายได้รับความนิยมอย่างกว้างขวางในการใช้งานทั้งในสวนบ้าน ที่ดินว่าง ที่ทำการเกษตร และสถานที่อื่นๆ ในที่น่าสนใจ โดยเฉพาะในช่วงเวลาที่ต้องการปรับปรุงความสวยงามและความปลอดภัยของพื้นที่ การตลาดรั้วตาข่ายในปัจจุบันมีความเน้นที่ความทนทาน ความปลอดภัย รวมถึงการให้ความสำคัญในการตกแต่งสวนและพื้นที่ในสวน

การใช้งานรั้วตาข่ายเป็นอีกหนึ่งวิธีที่น่าสนใจและน่าพิจารณาในการปรับปรุงสวนหรือที่ดินของคุณ ไม่เพียงเท่านั้นที่จะช่วยเสริมสร้างความสวยงาม แต่ยังช่วยเพิ่มความปลอดภัยและประสบการณ์ในการใช้งานของพื้นที่ดังกล่าวอีกด้วย

ขอขอบคุณ รั้วตาข่าย

27
ความหลากหลายของลวดหนาม:
ลวดหนามเป็นวัสดุที่คงทนและหาได้ง่ายที่มีความหลากหลายในการใช้งาน ทั้งในงานก่อสร้าง การปรับปรุงที่ดิน การทำเกษตร และหลายสถานการณ์ในชีวิตประจำวัน

การใช้งานในงานก่อสร้าง: ลวดหนามเป็นวัสดุที่มีความแข็งแรงและคงทนต่อสภาพอากาศ นิยมใช้ในการก่อสร้างอาคาร รั้วบ้าน รั้วเหล็ก และโครงสร้างที่ต้องการความคงทนในระยะยาว

การปรับปรุงที่ดิน: ในการปรับปรุงที่ดินหรือการตกแต่งสวน ลวดหนามมักถูกใช้ในการสร้างโครงสร้างใหม่ เช่น พื้นที่ปลูกผัก ระบบรางน้ำ หรือระบบรองรับพื้นที่ในการปลูกต้นไม้

การใช้งานในการเกษตร: ลวดหนามเป็นเครื่องมือที่มีประโยชน์ในการทำเกษตร สามารถใช้ในการสร้างกรงเลี้ยงสัตว์ ระบบรั้วสำหรับควบคุมแปลงที่ดิน และอุปกรณ์สำหรับระบบช่วยในการเกษตรแบบต่างๆ

การป้องกันและความปลอดภัยของลวดหนาม:
ลวดหนามเป็นวัสดุที่มีความคงทนต่อความเสียหายและการทำลาย นั่นเป็นเหตุผลที่คนหลายคนนิยมใช้ลวดหนามในการป้องกันความบกพร่องของที่ดินและทรัพย์สิน

รั้วควบคุมและป้องกัน: การใช้ลวดหนามในการสร้างรั้วควบคุมเป็นทางเลือกที่คุ้มค่าและมีประสิทธิภาพสูงในการป้องกันการบุกรุก สามารถใช้รั้วลวดหนามรอบๆ บ้านหรือพื้นที่ที่ต้องการความปลอดภัยเสริมความควบคุมและป้องกันการเข้ามาในพื้นที่โดยไม่ได้รับอนุญาต

การป้องกันสัตว์ไม่พึงประสงค์: ในการเกษตรและสวนเรือน การใช้ลวดหนามเป็นรั้วควบคุมสัตว์ในพื้นที่ที่ต้องการป้องกันสัตว์ป่าหรือสัตว์เลี้ยงที่ไม่พึงประสงค์เข้ามาทำลาย สามารถช่วยลดความเสียหายที่เกิดจากการโจมตีของสัตว์นั้นๆ

ความนิยมของลวดหนามในปัจจุบัน:
ในปัจจุบัน ลวดหนามเป็นวัสดุที่มีความนิยมและได้รับความนิยมในการใช้งานในหลากหลายอุตสาหกรรม ไม่ว่าจะเป็นในงานก่อสร้าง การเกษตร หรือการใช้งานในชีวิตประจำวัน ความทนทานและความคงทนของลวดหนามทำให้เป็นเลือกที่คุ้มค่าและมีประสิทธิภาพสูงในการใช้งานในสถานการณ์ต่างๆ

ท้าทายในการใช้งานลวดหนามคือการเลือกใช้ในสถานที่ที่เปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา ต้องให้ความสำคัญในการเลือกวัสดุและปรับใช้ให้เหมาะสมกับสภาพแวดล้อมและความต้องการของการใช้งานในแต่ละครั้ง

สรุป:
ลวดหนามเป็นวัสดุที่หาได้ง่ายและมีความหลากหลายในการใช้งาน สามารถนำไปใช้ในงานก่อสร้าง การปรับปรุงที่ดิน การทำเกษตร และในชีวิตประจำวัน การป้องกันและความปลอดภัยเป็นสิ่งสำคัญในการใช้งานลวดหนาม ความทนทานและความคงทนของลวดหนามทำให้เป็นเลือกที่คุ้มค่าและมีประสิทธิภาพสูงในการใช้งานในสถานการณ์ต่างๆ ทั้งนี้
 ควรให้ความสำคัญในการเลือกใช้ลวดหนามให้เหมาะสมกับสภาพแวดล้อมและความต้องการของการใช้งานในแต่ละครั้ง

28
ความหลากหลายของลวดหนาม:
ลวดหนามเป็นวัสดุที่คงทนและหาได้ง่ายที่มีความหลากหลายในการใช้งาน ทั้งในงานก่อสร้าง การปรับปรุงที่ดิน การทำเกษตร และหลายสถานการณ์ในชีวิตประจำวัน

การใช้งานในงานก่อสร้าง: ลวดหนามเป็นวัสดุที่มีความแข็งแรงและคงทนต่อสภาพอากาศ นิยมใช้ในการก่อสร้างอาคาร รั้วบ้าน รั้วเหล็ก และโครงสร้างที่ต้องการความคงทนในระยะยาว

การปรับปรุงที่ดิน: ในการปรับปรุงที่ดินหรือการตกแต่งสวน ลวดหนามมักถูกใช้ในการสร้างโครงสร้างใหม่ เช่น พื้นที่ปลูกผัก ระบบรางน้ำ หรือระบบรองรับพื้นที่ในการปลูกต้นไม้

การใช้งานในการเกษตร: ลวดหนามเป็นเครื่องมือที่มีประโยชน์ในการทำเกษตร สามารถใช้ในการสร้างกรงเลี้ยงสัตว์ ระบบรั้วสำหรับควบคุมแปลงที่ดิน และอุปกรณ์สำหรับระบบช่วยในการเกษตรแบบต่างๆ

การป้องกันและความปลอดภัยของลวดหนาม:
ลวดหนามเป็นวัสดุที่มีความคงทนต่อความเสียหายและการทำลาย นั่นเป็นเหตุผลที่คนหลายคนนิยมใช้ลวดหนามในการป้องกันความบกพร่องของที่ดินและทรัพย์สิน

รั้วควบคุมและป้องกัน: การใช้ลวดหนามในการสร้างรั้วควบคุมเป็นทางเลือกที่คุ้มค่าและมีประสิทธิภาพสูงในการป้องกันการบุกรุก สามารถใช้รั้วลวดหนามรอบๆ บ้านหรือพื้นที่ที่ต้องการความปลอดภัยเสริมความควบคุมและป้องกันการเข้ามาในพื้นที่โดยไม่ได้รับอนุญาต

การป้องกันสัตว์ไม่พึงประสงค์: ในการเกษตรและสวนเรือน การใช้ลวดหนามเป็นรั้วควบคุมสัตว์ในพื้นที่ที่ต้องการป้องกันสัตว์ป่าหรือสัตว์เลี้ยงที่ไม่พึงประสงค์เข้ามาทำลาย สามารถช่วยลดความเสียหายที่เกิดจากการโจมตีของสัตว์นั้นๆ

ความนิยมของลวดหนามในปัจจุบัน:
ในปัจจุบัน ลวดหนามเป็นวัสดุที่มีความนิยมและได้รับความนิยมในการใช้งานในหลากหลายอุตสาหกรรม ไม่ว่าจะเป็นในงานก่อสร้าง การเกษตร หรือการใช้งานในชีวิตประจำวัน ความทนทานและความคงทนของลวดหนามทำให้เป็นเลือกที่คุ้มค่าและมีประสิทธิภาพสูงในการใช้งานในสถานการณ์ต่างๆ

ท้าทายในการใช้งานลวดหนามคือการเลือกใช้ในสถานที่ที่เปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา ต้องให้ความสำคัญในการเลือกวัสดุและปรับใช้ให้เหมาะสมกับสภาพแวดล้อมและความต้องการของการใช้งานในแต่ละครั้ง

สรุป:
ลวดหนามเป็นวัสดุที่หาได้ง่ายและมีความหลากหลายในการใช้งาน สามารถนำไปใช้ในงานก่อสร้าง การปรับปรุงที่ดิน การทำเกษตร และในชีวิตประจำวัน การป้องกันและความปลอดภัยเป็นสิ่งสำคัญในการใช้งานลวดหนาม ความทนทานและความคงทนของลวดหนามทำให้เป็นเลือกที่คุ้มค่าและมีประสิทธิภาพสูงในการใช้งานในสถานการณ์ต่างๆ ทั้งนี้
 ควรให้ความสำคัญในการเลือกใช้ลวดหนามให้เหมาะสมกับสภาพแวดล้อมและความต้องการของการใช้งานในแต่ละครั้ง

29


สำหรับคนที่มีสวนหรือที่ดินว่าง การใส่รั้วตาข่ายเป็นอีกหนึ่งวิธีที่มีประโยชน์ในการปรับปรุงความสวยงามและความปลอดภัยให้กับพื้นที่ดังกล่าว รั้วตาข่ายเป็นอุปกรณ์ที่คงทนและสามารถนำไปใช้ป้องกันและตกแต่งในหลากหลายสถานที่ได้อย่างหลากหลาย ในบทความนี้เราจะพูดถึงความสำคัญและการใช้งานของรั้วตาข่ายในชีวิตประจำวัน รวมถึงการตลาดและความนิยมในปัจจุบัน

ความสำคัญของรั้วตาข่าย:

ความปลอดภัยในบ้านและสวน: รั้วตาข่ายเป็นเครื่องมือที่มีประโยชน์ในการป้องกันการเข้ามาของสัตว์ป่าหรือสัตว์เลี้ยงไม่พึงประสงค์ในพื้นที่ของเรา นอกจากนี้ยังช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดอุบัติเหตุหรือการจมน้ำในบ่อน้ำหรือสระว่ายน้ำของเด็กๆ ในสวนหรือที่ดิน

การป้องกันการบุกรุกและการขโมย: รั้วตาข่ายสามารถช่วยป้องกันการบุกรุกและการขโมยทรัพย์สินที่อยู่ภายในบ้านหรือพื้นที่ที่เราต้องการปกป้อง การใส่รั้วตาข่ายให้สูงและคงทนสามารถส่งเสริมความปลอดภัยให้กับบ้านและที่ดิน

การตกแต่งสวนและสถานที่ในสวน: รั้วตาข่ายมีลวดลายที่สวยงามและสีสันที่สามารถเสริมสร้างความงามให้กับสวนและสถานที่ในสวน ลักษณะของรั้วที่โปร่งใสยังช่วยให้ความเปิดเผยและความรู้สึกของการเชื่อมโยงระหว่างสวนและภูมิประเทศ

ความคงทนและต้านทานต่อสภาพอากาศ: รั้วตาข่ายที่ถูกออกแบบด้วยวัสดุที่คงทนและต้านทานต่อสภาพอากาศสามารถทนทานและใช้งานได้ตลอดเวลา ไม่ว่าจะเป็นในช่วงฤดูฝนหรือฤดูร้อน

การใช้งานรั้วตาข่ายในชีวิตประจำวัน:

การใช้ในสวนและที่ดิน: รั้วตาข่ายเป็นที่นิยมในการใช้ในสวนและที่ดินที่มีขนาดกว้าง ไม่ว่าจะเป็นสวนบ้านหรือสวนในที่ทำการเกษตร รั้วตาข่ายช่วยเพิ่มความสวยงามให้กับสวนและสามารถเลี้ยงสัตว์เลี้ยงเล็กๆ ให้อยู่ในพื้นที่ที่ปลอดภัย

ใช้เป็นรั้วประจำบ้านหรือบริเตน: รั้วตาข่ายสามารถใช้เป็นรั้วประจำบ้านหรือบริเตนที่ต้องการความโปร่งใสและเปิดกว้าง สามารถใส่พืชติดรั้วเพื่อเพิ่มความเขียวเขียวให้กับรั้วตาข่าย

การใช้เป็นรั้วกันสัตว์: รั้วตาข่ายเป็นอุปกรณ์ที่ช่วยในการกันสัตว์ไม่พึงประสงค์ สามารถใช้ในบริเตนของสัตว์เลี้ยงเพื่อให้พวกเขาอยู่ในพื้นที่ที่ปลอดภัยและป้องกันการออกไปจากบริเตน

การใช้เป็นรั้วป้องกันสำหรับเด็ก: รั้วตาข่ายที่สูงเพียงพอสำหรับเด็กสามารถทำหน้าที่เป็นรั้วป้องกันเพื่อให้เด็กอยู่ในบริเตนอย่างปลอดภัย

ความนิยมและการตลาดของรั้วตาข่าย:
ในปัจจุบัน รั้วตาข่ายได้รับความนิยมอย่างกว้างขวางในการใช้งานทั้งในสวนบ้าน ที่ดินว่าง ที่ทำการเกษตร และสถานที่อื่นๆ ในที่น่าสนใจ โดยเฉพาะในช่วงเวลาที่ต้องการปรับปรุงความสวยงามและความปลอดภัยของพื้นที่ การตลาดรั้วตาข่ายในปัจจุบันมีความเน้นที่ความทนทาน ความปลอดภัย รวมถึงการให้ความสำคัญในการตกแต่งสวนและพื้นที่ในสวน

การใช้งานรั้วตาข่ายเป็นอีกหนึ่งวิธีที่น่าสนใจและน่าพิจารณาในการปรับปรุงสวนหรือที่ดินของคุณ ไม่เพียงเท่านั้นที่จะช่วยเสริมสร้างความสวยงาม แต่ยังช่วยเพิ่มความปลอดภัยและประสบการณ์ในการใช้งานของพื้นที่ดังกล่าวอีกด้วย

ขอขอบคุณ รั้วตาข่าย

30


สำหรับคนที่มีสวนหรือที่ดินว่าง การใส่รั้วตาข่ายเป็นอีกหนึ่งวิธีที่มีประโยชน์ในการปรับปรุงความสวยงามและความปลอดภัยให้กับพื้นที่ดังกล่าว รั้วตาข่ายเป็นอุปกรณ์ที่คงทนและสามารถนำไปใช้ป้องกันและตกแต่งในหลากหลายสถานที่ได้อย่างหลากหลาย ในบทความนี้เราจะพูดถึงความสำคัญและการใช้งานของรั้วตาข่ายในชีวิตประจำวัน รวมถึงการตลาดและความนิยมในปัจจุบัน

ความสำคัญของรั้วตาข่าย:

ความปลอดภัยในบ้านและสวน: รั้วตาข่ายเป็นเครื่องมือที่มีประโยชน์ในการป้องกันการเข้ามาของสัตว์ป่าหรือสัตว์เลี้ยงไม่พึงประสงค์ในพื้นที่ของเรา นอกจากนี้ยังช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดอุบัติเหตุหรือการจมน้ำในบ่อน้ำหรือสระว่ายน้ำของเด็กๆ ในสวนหรือที่ดิน

การป้องกันการบุกรุกและการขโมย: รั้วตาข่ายสามารถช่วยป้องกันการบุกรุกและการขโมยทรัพย์สินที่อยู่ภายในบ้านหรือพื้นที่ที่เราต้องการปกป้อง การใส่รั้วตาข่ายให้สูงและคงทนสามารถส่งเสริมความปลอดภัยให้กับบ้านและที่ดิน

การตกแต่งสวนและสถานที่ในสวน: รั้วตาข่ายมีลวดลายที่สวยงามและสีสันที่สามารถเสริมสร้างความงามให้กับสวนและสถานที่ในสวน ลักษณะของรั้วที่โปร่งใสยังช่วยให้ความเปิดเผยและความรู้สึกของการเชื่อมโยงระหว่างสวนและภูมิประเทศ

ความคงทนและต้านทานต่อสภาพอากาศ: รั้วตาข่ายที่ถูกออกแบบด้วยวัสดุที่คงทนและต้านทานต่อสภาพอากาศสามารถทนทานและใช้งานได้ตลอดเวลา ไม่ว่าจะเป็นในช่วงฤดูฝนหรือฤดูร้อน

การใช้งานรั้วตาข่ายในชีวิตประจำวัน:

การใช้ในสวนและที่ดิน: รั้วตาข่ายเป็นที่นิยมในการใช้ในสวนและที่ดินที่มีขนาดกว้าง ไม่ว่าจะเป็นสวนบ้านหรือสวนในที่ทำการเกษตร รั้วตาข่ายช่วยเพิ่มความสวยงามให้กับสวนและสามารถเลี้ยงสัตว์เลี้ยงเล็กๆ ให้อยู่ในพื้นที่ที่ปลอดภัย

ใช้เป็นรั้วประจำบ้านหรือบริเตน: รั้วตาข่ายสามารถใช้เป็นรั้วประจำบ้านหรือบริเตนที่ต้องการความโปร่งใสและเปิดกว้าง สามารถใส่พืชติดรั้วเพื่อเพิ่มความเขียวเขียวให้กับรั้วตาข่าย

การใช้เป็นรั้วกันสัตว์: รั้วตาข่ายเป็นอุปกรณ์ที่ช่วยในการกันสัตว์ไม่พึงประสงค์ สามารถใช้ในบริเตนของสัตว์เลี้ยงเพื่อให้พวกเขาอยู่ในพื้นที่ที่ปลอดภัยและป้องกันการออกไปจากบริเตน

การใช้เป็นรั้วป้องกันสำหรับเด็ก: รั้วตาข่ายที่สูงเพียงพอสำหรับเด็กสามารถทำหน้าที่เป็นรั้วป้องกันเพื่อให้เด็กอยู่ในบริเตนอย่างปลอดภัย

ความนิยมและการตลาดของรั้วตาข่าย:
ในปัจจุบัน รั้วตาข่ายได้รับความนิยมอย่างกว้างขวางในการใช้งานทั้งในสวนบ้าน ที่ดินว่าง ที่ทำการเกษตร และสถานที่อื่นๆ ในที่น่าสนใจ โดยเฉพาะในช่วงเวลาที่ต้องการปรับปรุงความสวยงามและความปลอดภัยของพื้นที่ การตลาดรั้วตาข่ายในปัจจุบันมีความเน้นที่ความทนทาน ความปลอดภัย รวมถึงการให้ความสำคัญในการตกแต่งสวนและพื้นที่ในสวน

การใช้งานรั้วตาข่ายเป็นอีกหนึ่งวิธีที่น่าสนใจและน่าพิจารณาในการปรับปรุงสวนหรือที่ดินของคุณ ไม่เพียงเท่านั้นที่จะช่วยเสริมสร้างความสวยงาม แต่ยังช่วยเพิ่มความปลอดภัยและประสบการณ์ในการใช้งานของพื้นที่ดังกล่าวอีกด้วย

ขอขอบคุณ รั้วตาข่าย

หน้า: [1] 2